xs
xsm
sm
md
lg

“วัฒนา” ร้องศาลขอไต่สวน อ้างโดนตำรวจ ปอท.ขู่เอาปืนกรอกปากกลางศาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - อดีต รมว.พาณิชย์ “วัฒนา เมืองสุข” และทนายร้องศาลขอไต่สวน อ้างถูก ตร.ปอท.แสดงอำนาจบาตรใหญ่พูดจาข่มขู่ในทำนองจะเอาปืนกรอกปากกันในวันฝากขังบริเวณศาล เป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงกว่าเฟซบุ๊กไลฟ์ในศาลที่ตนโดนศาลสั่งจำคุก



วันนี้ (23 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายวัฒนา เดินทางมายื่นคำร้องต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ขอให้ไต่สวนกรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ที่มายื่นฝากขังนายวัฒนาฐานกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวนได้แสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ทนายความ เป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่และประพฤติตนไม่เหมาะสมในบริเวณศาล

นายวัฒนากล่าวว่า พนักงานสอบสวนที่มายื่นคำร้องฝากขังตน เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้แสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ทนายความของตน โดยมีคำพูดทำนองว่าจะเอาปืนกรอกปาก ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ เพราะคดีที่เกิดขึ้นกับตน การตั้งข้อหาก็พิลึกพิสดารอยู่แล้ว ตนโดนดำเนินคดี 3 ข้อหา สอบสวนเสร็จปล่อยกลับบ้าน พอข้อหาที่ 4 กลับนำมาฝากขัง แล้วมาแสดงพฤติกรรมในศาลอย่างนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ขนาดทนายของตนเป็นนายกสมาคมทนายความฯ และตนเป็นนักการเมืองยังโดนขนาดนี้ ประชาชนทั่วไปจะโดนขนาดไหน พนักงานสอบสวนเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ต้องมีความสำนึกไม่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ตนจึงมายื่นขอให้มีการไต่สวนการกระทำดังกล่าวซึ่งมีพยานเป็นทนายความอยู่ในเหตุการณ์หลายคน วันนั้นตนรู้เท่าไม่ถึงการณ์เรื่องเฟซบุ๊กไลฟ์ในศาลยังโดนละเมิดอำนาจศาล แต่พฤติกรรมแบบนี้ร้ายแรงกว่าของตนไม่รู้กี่ร้อยเท่า ขอให้เป็นดุลพินิจของศาลตนไม่ก้าวล่วง

นายวัฒนากล่าวด้วยว่า ตนเตรียมยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งที่อนุญาตให้ฝากขังด้วย เพราะตนเห็นว่าพนักงานสอบสวนไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องควบคุมตัว การจำกัดเสรีภาพต้องทำเท่าที่จำเป็นเพื่อให้การสอบสวนราบรื่น เมื่อตนไม่หลบหนี ไม่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ไม่มีพฤติกรรมที่เป็นอันตราย การเอาตนมาควบคุมจะทำให้การสอบสวนยากขึ้นตรงไหน เมื่อไม่มีเหตุก็เป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ เมื่อไปแสดงตัวคนอื่นก็ปล่อยกลับแต่เอาตนมาฝากขัง มันมีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้ง เมื่อตนมีปัญหากับตำรวจที่ดูแลการใช้คอมพิวเตอร์แล้วตนอาจจะมีคดีรายวันก็ได้ แต่ก็พร้อมจะสู้

“ผมปกป้องการใช้สิทธิของผมตามกฎหมาย ไม่ได้ใช้สิทธิอะไรที่เกินเลย แต่ว่าให้ประชาชนจับตาตำรวจซึ่งมีทั้งอาวุธและกฎหมายในมือ วันนี้หลังจากที่เราเปิดหน้าสู้กันตรงนี้แล้ว อะไรจะเกิดกับผมก็ดูละกัน ต่อไปอาจจะมีการปฏิบัติแปลกๆ มามอบตัวเหมือนอย่างทุกคดีต่อไปนี้ไม่ปล่อยกลับแล้ว จะเอามาฝากขัง มาขออำนาจ แล้วจะมาคัดค้านกันทุกคดีก็อาจจะเกิดขึ้น” นายวัฒนากล่าว

เมื่อถามว่าจะร้องเรียนพฤติกรรมของพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบหรือไม่ นายวัฒนากล่าวว่า เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นในบริเวณศาลก็ต้องเรียนอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาก่อน หลังจากนั้นก็ไปดูกันว่าทางผู้บังคับบัญชาจะทำอย่างไร ในเมื่อวันนี้ บก.ปอท.มีส่วนได้เสียกับตนแล้วจะปกป้องสิทธิและเสรีภาพของตนอย่างไร ตนใช้เสรีภาพตามกฎหมาย การที่ถูกข่มขู่จำเป็นต้องยอมอย่างนั้นหรือ ตนมาร้องให้ศาลไต่สวนไม่ได้บอกว่าเขากระทำผิด ซึ่งเรามีพยานหลักฐาน และไม่ใช่ลักษณะการพูดเล่น มีกิริยาก้าวร้าวมากเกินไป

ด้านนายนรินทร์พงศ์กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า วันนั้นหลังจากที่ได้ขอคัดค้านคำร้องฝากขัง เราแหย่กันเล่น โดยตนพูดว่าถ้าศาลยกคำร้องฝากขังแล้วตนจะดำเนินคดีนะ แต่หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนกลับแสดงคำพูดที่ก้าวร้าว ทั้งหากศาลไต่สวนคำร้องตนจะนำรายละเอียดมาเสนอต่อศาล ซึ่งมีคำพูดที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและรับไม่ได้คือคำพูดที่ว่า “เต็มที่ก็เอาปืนยิงกรอกปากกัน” ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ตนเป็นห่วงว่าประชาชนที่ถูกดำเนินคดีแล้วถูกกระทำจะทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจเสียไปด้วย ตนไม่กังวลเกี่ยวกับการข่มขู่มากนัก แต่กังวลเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน และถ้าพนักงานสอบสวนเป็นปฏิปักษ์กับตนแล้วเราจะทำงานกันได้อย่างไร

นายนรินทร์พงศ์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในฐานะที่ตนเป็นนายกสมาคมทนายความฯ ก็ได้นำเรื่องเข้าคณะกรรมการสมาคมแล้วจะมีหนังสือจากองค์กรตนมาถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาอีกครั้งหนึ่ง หากทนายความยังถูกกระทำในศาลแล้วเรื่องอย่างนี้ปล่อยไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องการเอาคืน แต่เอาความถูกต้องมาว่ากัน ถ้ามาโต้ตอบต้องทำแบบบัณฑิตทำกัน ไม่ใช่มาก้าวร้าวข่มขู่ องค์กรทนายความทั่วประเทศอาจจะรวมตัวกันในเรื่องนี้ เพราะมันเกินเลย ทั้งนี้ตนจะไปเตรียมการยื่นอุทธรณ์คัดค้านการฝากขัง เพราะก่อนเข้าสู่กระบวนการฝากขัง นายวัฒนาเองมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนีไปไหน และมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกทุกครั้ง ดังนั้น การมายื่นคำร้องฝากขังจึงมิชอบ คาดว่าจะยื่นอุทธรณ์ก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งแรก คือก่อนวันที่ 1 ก.ย.นี้







กำลังโหลดความคิดเห็น