รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2560 ตอน ปลด"ลือชัย"มือระเบิด ไม่สมควรติดยศพลโท
การเลื่อนยศพลตำรวจโทให้ พล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ขยับขึ้นเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยศ พล.ต.ท.
ทั้งที่ ลือชัย ในสายตาประชาชนและมวลชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายตำรวจคนนี้คือคนเลือดเย็น เพราะมีภาพการปฎิบัติหน้าที่ที่รุนแรงต่อประชาชนติดตัวจากเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551
ลือชัยได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ในตำแหน่งสุดท้ายก่อนจะปลดเกษียนในโอกาสที่มีการเปิดตำแหน่งพิเศษ คือตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่า รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยศ พล.ต.อ. ตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ เทียบเท่า ผู้บัญชาการ ยศ พล.ต.ท. และผู้ทรงคุณวุฒิ เทียบเท่า ผู้บังคับการ ยศพล.ต.ต
เป็นตำแหน่งที่กำหนดขึ้นมาใหม่ และแต่งตั้งไปแล้วการแต่งตั้งครั้งนี้มีระเบียบ มีหลักเกณฑ์ มีกติกา ในการพิจารณาแต่งตั้งที่มีข้อสำคัญว่า การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตํารวจดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ และผู้ทรงคุณวุฒิ ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ให้คัดเลือกข้าราชการตํารวจให้พิจารณาจากผู้ที่มีคุณสมบัติ เป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ห้าสิบเก้าปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีเวลาราชการเหลือไม่เกินหกเดือน
นี่เป็นหลักการใหญ่ของการเพิ่มตำแหน่งพิเศษเพื่อเป็นโบนัสพิเศษให้กับตำรวจที่จะเกษียณอายุในเดือนกันยายน หากตำแหน่งเหลือจึงจะพิจารณาตำรวจที่ยังไม่เกษียณ
หลังจากเสร็จการแต่งตั้งตำรวจระดับนายพลกลุ่มนี้ ที่ถูกเรียกกันว่า "นายพลแก้มลิง" มีข้อสงสัย มีข้อสังเกตุ มีคำถามจากสังคมว่าในการพิจารณารายชื่อตำรวจขยับยศและตำแหน่งสูงขึ้นแต่ละราย มีการพิจารณาคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนด ตามระเบียบ ตามกฎ ก.ตร.ที่ประกาศไว้หรือไม่
บอกได้ว่า ส่วนใหญ่ล้วนยึดไล่เรียงตามลำดับอาวุโสครบถ้วนเพียงอย่างเดียว ไม่มีการนำเรื่องความเหมาะสมเข้ามาพิจารณา ทั้งที่ตามกฎ ก.ตร.ตามที่ระบุบังคับไว้ ให้พิจารณาผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และพิจารณาผู้ที่มีความเหมาะสม ควบคู่กันในน้ำหนักเท่าๆกัน ดังนั้นก. ตร. ต้องนำเรื่องความเหมาะสมมาพิจารณาจะเลี่ยงหลบไม่ได้
อย่างในรายของพล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่ขยับขึ้นเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยศ พล.ต.ท. มีภาพถ่ายเป็นหลักฐานมัดว่า ใช้ความรุนแรงในการปฎิบัติหน้าที่ที่รุนแรงต่อประชาชนในเหตุการณ์7ตุลาฯ แบบจงใจ หลังที่ผ่าน7 ตุลาฯหลายปี ลือชัยก็ยังภูมิใจที่ใช้ภาพกำลังปาระเบิดใส่มวลชนพันธมิตรฯ เป็นฉากบรรยายปูมหลังของเขา แบบไม่ได้สำนึกผิด
จริงอยู่พล.ต.ต.ลือชัย มีคุณสมบัติครบถ้วนในการขึ้นเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดยศ พล.ต.ท. ตามกฎ ตามกติการ เพราะอายุ 59 ปี จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2560 หรืออีก 1เดือนเศษๆ
แต่ว่าในเรื่องความเหมาะสม ในเรื่องพฤติกรรมที่ผ่านมา เหมาะสมแล้วหรือไม่ ซึ่งตอบได้เลยว่าไม่มีความเหมาะสมอย่างแน่นอน ตำรวจที่เห็นชีวิตของประชาชนเป็นผักปลาจะขึ้นตำแหน่งใหญ่เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนก่อนเกษียณอายุราชการได้อย่างไร
นอกจากรายของลือชัยแล้ว การแต่งตั้งครั้งก็มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในบัญชีรายชื่อแต่งตั้ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ เดิมก็เตรียมเสนอชื่อ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ได้รับโบนัสขึ้นเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ยศพลตำรวจโทเพราะจะเกษียณ
ทั้งๆที่รณพงษ์มีคดีติดตัว เป็นจำเลยข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สถานะตอนนี้เป็นจำเลยหนีคดีในขั้นศาลฎีกา ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.รณพงษ์มาขอลาออกจากราชการไปเอง ก. ตร. ไม่ตัดสิทธิ์เพราะไม่เหมาะสมที่ต้องดูกันเป็นเรื่องสำคัญ
จึงชัดเจนว่าการพิจารณา "นายพลแก้มลิง" ดูกันแต่เรื่องลำดับอาวุโส ไม่ได้ตรวจดูเรื่องความเหมาะสมเลย จนพลาดส่งคนทำร้ายประชาชนได้ดี และเกือบจะเสนอชื่อแต่งตั้ง จำเลยหนีคดี ขยับยศสูงขึ้นไปแล้ว
สำนักงานตำรวจแห่งชาติถ้าคิดจะแก้ไขยังพอมีเวลา สมควรที่จะพิจารณาใหม่ในกรณีลือชัย สุดยอด เพื่อไม่ให้มีปัญหากระทบกระเทือนต่อความศรัทธาแก่ส่วนรวมของตำรวจ ที่ศรัทธาความเชื่อถือเหลืออยู่น้อยเต็มที