MGR Online - กองปราบปรามแกะรอยรวบหนุ่มใหญ่วัย 53 ปี อ้างตัวเป็น “รองฯ ยุต กองปราบ” หลอกตุ๋นเงินสาวใหญ่โสด-ชวนทำธุรกิจวิ่งเต้นล้มคดี หลังก่อเหตุหนีมากบดานที่ย่านประชานิเวศน์ 3 นนทบุรี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ส่วนของกลางที่ยึดมาได้เป็นของปลอมทั้งหมด
วันนี้ (9 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. มอบหมาย พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร สว.กก.2 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายชยุต หรืออมร ทองงาม อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ซอยวัดเวฬุนาราม 34 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดสิงห์บุรี ที่ 83/2560 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2560 ข้อหาฉ้อโกง พร้อมของกลางปืนอัดลม 1 กระบอก กระสุน 6 นัด ซองปืน 2 ซอง เสื้อกองปราบปราม และชุดกีกากีและเครื่องหมายสัญลักษณ์ตำรวจอีกหลายรายการ ได้ที่บริเวณด้านหน้าหอพัก 33 อพาร์ตเมนต์ ซอย 33 ประชานิเวศน์ 3 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่านายชยุตมีพฤติกรรมแอบอ้างตัวเป็นรอง ผกก.สังกัดกองปราบปราม หลอกเอาเงินจากผู้เสียหายในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี โดยใช้กลอุบายต่างๆ นานา เช่น ตีสนิทหญิงที่มีฐานะดีแล้วขอยืมเงินอ้างว่านำไปใช้หนี้ หลอกชักชวนผู้เสียหายรายอื่นๆ ลงทุนทำธุรกิจต่างๆ รวมถึงเรียกรับเงินโดยอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นล้มคดีให้ผู้เสียหายได้ ที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลงเชื่อถูกหลอกเป็นจำนวนมากและมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสิงห์บุรี
ต่อมาศาลได้มีการออกหมายจับ ส่วนสาเหตุที่มีผู้เสียหายจำนวนมากนั้นเนื่องจากผู้ต้องหารายนี้มักจะชอบโพสต์รูปภาพในขณะสวมใส่เสื้อผ้าที่มีตราสัญลักษณ์ของตำรวจกองปราบปราม รวมถึงสวมใส่เครื่องประดับของมีค่าอย่างสร้อยคอทองคำ, นาฬิกาเรือนทอง, สร้อยข้อมือทองคำ และแหวนเพชร ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า Chaiyoot Tongnam และมักเรียกตนเองว่ารองผู้กำกับยุต ทำให้ดูน่าเชื่อถือ เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมากบดานในพื้นที่ จ.นนทบุรี จึงเข้าจับกุมตัวดังกล่าว
จากการสอบสวนนายชยุตให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากต้องการนำเงินไปใช้เที่ยวเตร่ โดยเหยื่อส่วนใหญ่ที่เลือกก่อเหตุนั้นจะเป็นหญิงสูงวัยฐานะดีและไม่มีครอบครัว เพราะหลงคารมง่าย ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับตำรวจ รวมถึงวิธีการพูดนั้นจดจำมาจากตอนที่เคยทำงานเป็นสายลับให้กับตำรวจนครบาล ส่วนสร้อยทองและเครื่องประดับมีค่าที่นำมาสวมใส่ถ่ายรูปลงในเฟซบุ๊กเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกเหยื่อผ่านทางเฟสบุ๊คนั้นเป็นของปลอมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหารายนี้พบว่ามีหมายจับในคดีลักษณะเดียวกันอีก 3 หมาย ประกอบด้วย หมายจับศาลแขวงสระบุรี ท้องที่ สภ.เมืองสระบุรี หมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ท้องที่ สน.ปทุมวัน หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ท้องที่ สน.ดินแดง ซึ่งเจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี ดำเนินคดีต่อไป