ซีลิค คอร์พ เผยครึ่งปีแรกโกยรายได้ 283.35 ล้านบาท แถมล่าสุด คว้าตราสัญลักษณ์ T Mark การันตี “คุณภาพ” สุดยอดผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทย จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ก.พาณิชย์ ตอกย้ำคุณภาพกาวซีลิค ได้มาตรฐานระดับสากล ด้านซีอีโอ “เอก สุวัฒนพิมพ์” เปิดแผนรุกธุรกิจช่วงที่เหลือของปีนี้ เน้นผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์กาว Hot Melt เหตุสินค้ามีความโดดเด่น-แข่งขันกับสินค้า ตปท. ได้
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) SELIC ผู้นำกาวอุตสาหกรรมที่ได้รับการยอมรับ และความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งไทย และสากลกว่า 27 ประเทศทั่วโลก เปิดเผยว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2560) บริษัทฯ มีรายได้รวม 283.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 12.41 ล้านบาท
โดยผลประกอบการไตรมาส 2/2560 มีรายได้ 144.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2560 ที่มีรายได้ 138.90 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ โดยมองว่า เทรนด์ปีนี้มีสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น และบริษัทฯ ยังมั่นใจในคุณภาพกาวซีลิค ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งบริษัทฯ ได้ขยายตลาดต่างประเทศ โดยการขยายยอดส่งออก และพบว่า ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 4.32% จากเดิมที่ 112.99 ล้านบาท ขยับขึ้นมาเป็น 117.88 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทฯ ขยายตลาดภายในประเทศ โดยการแสดงสินค้า เพื่อเพิ่มยอดขายภายในประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังสามารถลดต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ มีการลดการใช้วงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมประเภทเบิกเงินเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน Letter of Credit ที่ลดลงอย่างมาก
นายเอก กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานทั้งปี 2560 รายได้รวมขยายตัวจากปีก่อนที่มีรายได้ 560.79 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการคาดการณ์ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทย ที่อยู่ในระดับ 3.5-3.7% หลังรัฐบาลเข้ามาช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ มีการพัฒนาโครงการ และโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น รวมถึงยังคงให้ความสำคัญต่อเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยคาดว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้บริษัทต่างชาติมาลงทุนมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการเติบโตของภาวะอุตสาหกรรม และการเติบโตในการดำเนินธุรกิจ โดยยังคงมุ่งเน้นเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจัดจำหน่ายในปัจจุบัน ทั้งอุตสาหกรรมในประเทศ และตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น รวมถึงขยายฐานการจำหน่ายไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศในกลุ่ม CMV รวมถึงออสเตรเลีย และยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองการเจริญเติบโตของตลาด และกลุ่มลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งปรับปรุงห้องปฏิบัติการ เครื่องมือและอุปกรณ์ในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงพัฒนาบุคลากร เพื่อเพิ่มมาตรฐานผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ทันสมัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวด้วยว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับตราสัญลักษณ์ T Mark เพื่อที่จะการันตี “คุณภาพ” สุดยอดผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทย ในโครงการ “Thailand Trust Mark” จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งบริษัทฯ ได้ผ่านคุณสมบัติสมาชิกตราสัญลักษณ์คุณภาพไทยแลนด์ ตามเกณฑ์ดังนี้ โดยบริษัทเป็นนิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกผู้ส่งออกของกรมฯ 5 ประเภท ได้แก่ Exporter Lists (EL) Pre-Exporter (Pre-EL) Trading Company (TDC) Pre Trading Company (Pre-TDC ) และ DITP SMEs Club ประกอบกับบริษัทฯ ผ่านการรับรองมาตรฐานในประเทศ และ/หรือมาตรฐานสากลต่างประเทศ
สำหรับสินค้าและบริการที่มีมาตรฐานกำหนด รวมถึงบริษัทฯ การรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับที่ 2 ปฏิบัติการสีเขียว เป็นอย่างน้อย และการรับรองมาตรฐานแรงงานไทย (มรท.8001-2553) ระดับพื้นฐานเป็นอย่างน้อย ขณะเดียวกัน ยังมีการดำเนินงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม หรือ CSR in Process และประการสุดท้าย คือ บริษัทฯ มีมูลค่าการส่งออก 5 ปีย้อนหลัง เฉลี่ยต่อปี ไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท หรือมูลค่าการขายในประเทศ 5 ปีย้อนหลัง เฉลี่ยต่อปีไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท
สำหรับสิทธิประโยชน์ของผู้ได้ตรา T Mark นั้น บริษัทฯ จะมีสิทธิในการใช้ตราสัญลักษณ์คุณภาพไทยแลนด์บนสินค้าและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในสื่อต่าง ๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ ประกอบกับยังได้รับการสนับสนุนการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพการส่งออกเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้ส่งออก พร้อมกันนี้ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของตราสินค้า และความน่าเชื่อถือในคุณภาพของสินค้า ทั้งจากผู้บริโภคภายในประเทศ และต่างประเทศ ประกอบกับ บริษัทฯ ได้รับการพิจารณาเข้าร่วมการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เป็นลำดับแรก อาทิ การจัด In-store Promotion ร่วมกับห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ คณะผู้แทนการค้าระดับสูงเยือนต่างประเทศ (Goodwill Mission) การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มเติบโตดี ตามจีดีพีเริ่มส่งสัญญาณว่ามีการเติบโตที่ดีขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนการลงทุน อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนอื่น ๆ น่าจะเป็นส่วนช่วยให้สามารถดึงเม็ดเงินจากประเทศให้เข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาพรวม AEC เติบโตแข็งแกร่ง โดยเฉพาะประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยปัจจุบันจะสังเกตได้ว่ากลุ่ม CLMV มีการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากขึ้น
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า แผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์กาว Hot Melt (Hot Melt Adhesive) หรือกาวร้อน เป็นกาวเทอร์โมพลาสติก เพราะสินค้ามีความโดดเด่น และสามารถแข่งขันกับสินค้าที่มาจากต่างประเทศได้ โดยเน้นไปที่ตลาด CLMV เพราะมีโอกาสทางการตลาด และแนวโน้มการเจริญเติบโตในประเทศกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง