xs
xsm
sm
md
lg

หวิดบานปลายตำรวจทางหลวงไล่จับสิบล้อแหกด่าน ถูกชิงตัวคนขับหลบหนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รถสิบล้อบรรทุกดินน้ำหนักเกินแหกด่านตรวจ ตำรวจทางหลวงไล่จับได้ แต่ถูกพวกคนขับสิบล้อใช้กระบะขับพุ่งชนรถของเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง แล้วชิงตัวคนขับรถสิบล้อหลบหนี เจรจายืดเยื้อ สุดท้ายขอกำลังเสริมนำรถผู้ต้องหาเข้าเครื่องชั่งเคลื่อนที่ พบหนักกว่า 46 ตัน ก่อนแจ้งข้อหาน้ำหนักเกิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันนี้ (13 ก.ค.) เวลาประมาณ 14.30 น. พ.ต.ท.บุญส่ง รัศมี สวป.สภ.เมืองปทุมธานี ปฏิบัติหน้าที่ เวรได้รับการประสานจาก ร.อ.จักรพันธ์ ตัณฑสมบูรณ์ ผบ.ร้อย.รส. พื้นที่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ว่า มีเจ้าหน้าที่ด่านชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ของกรมทางบางใหญ่ขาเข้า และท่าตำหนักขาเข้า ถูกปิดล้อมจากพรรคพวกคนขับรถบรรทุก จึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ และพบนายยรรยง ช่วยชู ช่างโยธาชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักบางใหญ่ขาเข้า และนายชัยนเรศ หนูเทศ หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักนครชัยศรีขาเข้า แจ้งว่า ได้มาปฏิบัติหน้าที่ตรวจตรา บนถนนทางหลวงหมายเลข 346 ช่วงก่อนถึงสี่แยกสันติสุข และขณะปฏิบัติหน้าที่ พบรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 62-2931 กรุงเทพมหานคร คาดว่า จะมีการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงได้ให้สัญญาณเพื่อเรียกตรวจสอบ แต่ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวกลับไม่ยอมหยุดรถ และได้ขับรถหลบหนี เกือบเฉี่ยวชนรถของเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง โดยได้ขับหนีเข้าไปในโครงการก่อสร้างทาง ของบริษัท ยูนิค (ลานอเนกประสงค์ อบจ.ปทุมธานี หมู่ที่ 2 ต.บ้านฉาง อ.เมืองปทุมธานี) และได้ขับรถติดตามเข้าไปในโครงการ ประมาณ 500 เมตร จึงสามารถควบคุมตัวผู้ขับขี่ ซึ่งวิ่งหลบหนีลงไปในท้องนาได้

จากนั้นได้นำตัวมาขับรถออกจากไซต์งานก่อสร้าง เพื่อจะนำรถไปตรวจสอบและชั่งน้ำหนักรถคันดังกล่าว บนถนนหลวงหมายเลข 346 (ถนนสายปทุม - ลาดหลุมแก้ว) ระหว่างทางก่อนขึ้นถนนประมาณ 30 เมตร ก็ได้มี นายพรวิชิต เฟียดชัยภูมิ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 ม.1 ต.โนนสำราญ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้ขับรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ 5343 ปทุมธานี ซึ่งคาดว่าเป็นพรรคพวก ของผู้ขับขี่รถสิบล้อ ได้ขับพุ่งชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ยี่ห้อ โตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน ญก 4804 กรุงเทพฯ ที่ได้ขับรถควบคุมติดตามรถบรรทุกคันก่อเหตุมา เพื่อไม่ให้ติดตามรถบรรทุกคันดังกล่าวได้ และขณะเดียวกัน ก็มีรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ป้ายแดง จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ สีเทาดำ อีกคัน มาจอดรถดักรออยู่ด้านหน้า เพื่อรอรับคนขับรถบรรทุก ที่ถูกควบคุมตัว เพื่อจะนำไปตรวจชั่ง แต่คนขับรถสิบล้อ ได้ใช้โอกาสในช่วงที่รถกระบะคันที่ชนรถของเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง หยุดรถ แล้วคนขับสิบล้อได้เปิดประตูวิ่งลงจากรถ และไปขึ้นรถกระบะป้ายแดง คันที่จอดรออยู่ หลบหนีไปได้

ต่อจากนั้น ก็ได้มีรถบรรทุกพ่วง 2 คัน คันที่ 1 หมายเลขทะเบียน 62-4709 กทม. และคันที่ 2 หมายเลขทะเบียน 62-3001 กทม. ได้มาจอดปิดล้อม รถบรรทุกดินคันที่จะนำไปตรวจชั่ง และไม่ให้เจ้าที่เคลื่อนย้ายรถสิบล้อออกจากพื้นที่โครงการ และ ทางเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง จึงได้ร้องขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร พร้อมกับประสานสถานีตรวจสอบน้ำหนักใกล้เคียง มาสนับสนุนในการปฏิบัติหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมสายตรวจไปถึงที่เกิดเหตุ ได้พบเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ด.ต.ปรวัฒน์ กนกทอง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และ ด.ต.บุญเลิศ พระจุไทย จ.ส.ต.ศุภฤกษ์ สุวรรณโชติ พร้อมพวก กำลังเจ้าหน้าที่ทหารโดยมี ร้อยเอก จักรพันธ์ ตัณฑสมบูรณ์ ผบ.ร้อย.รส. และ นายยรรยง ช่วยชู พร้อมเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง ประมาณ 50 นาย ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ ได้มี นายพงษ์ธร (เสี่ยอ้น) บำรุงชัย อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 ซอยเจริญพัฒนา 11 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ที่มาแสดงตัว เป็นเจ้าของรถสิบล้อ และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ทำการเคลื่อนย้ายรถสิบล้อแต่อย่างใด โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจใด ที่จะมาเคลื่อนย้ายรถสิบล้อของตนเองออกไปจากจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเป็นที่เอกชน ไม่ใช่ถนนทางหลวง โดยมีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ได้ใช้เวลาในการเจรจาอยู่นาน

จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. นายพงษ์ธร ก็ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือ ในการเคลื่อนย้ายรถสิบล้อ ให้เจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจชั่งน้ำหนัก ทางด้าน นายยรรยง ช่วยชู หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักบางใหญ่ขาเข้า และ นายชัยนเรศ หนูเทศ ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ จึงไปได้แจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ สุริยะโวหาร รอง
ผกก. สอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี เพื่อดำเนินการตามหน้าที่ และ เมื่อแจ้งความร้องทุกข์ ที่สถานีตำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมแจ้งให้ นายพงษ์ธร ทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่กรมทางได้แจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี เรียบร้อยแล้ว และให้เคลื่อนย้ายรถสิบล้อไปตรวจและชั่งน้ำหนัก แต่ทาง นายพงษ์ธร ก็ไม่ยอมเคลื่อนย้ายรถอีกเช่นเดิม ทาง เจ้าหน้าที่กรมทางหลวง และเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ร่วมกันหาพนักงานขับรถ เพื่อเคลื่อนย้ายรถสิบล้อ

เวลาประมาณ 22.30 น. พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี ได้จัดหาคนขับรถบรรทุก ไปทำการขับรถสิบล้อ และสามารถเคลื่อนย้ายรถสิบล้อ ไปให้ เจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง นำรถเข้าตรวจและชั่งน้ำหนักรถได้ โดยในระหว่างการเคลื่อนย้ายรถ และตรวจชั่งน้ำหนัก มี นางพิมล กระจับเงิน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มาร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมทั้งสังเกตการณ์ในระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถในการ เคลื่อนย้าย และชั่งน้ำหนักของรถบรรทุก โดยเมื่อตรวจชั่งเรียบร้อยแล้ว พบว่า รถบรรทุกดินมีน้ำหนักรวม 46,550 กิโล หรือกว่า 46 ตัน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา” ก่อนให้เจ้าหน้าที่ขับรถคันดังกล่าว มาที่ส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

นายยรรยง ช่วยชู ช่างโยธาชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักบางใหญ่ขาเข้า กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยพบรถสิบล้อที่บรรทุกดินต้องสงสัย และคาดว่า จะมีน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงได้ให้สัญญาณเพื่อเรียกตรวจสอบ แต่ปรากฏว่า รถคันดังกล่าวได้พยายามขับหลบหนี เข้าไปในไซต์งานก่อสร้าง ถนนราชพฤกษ์ - ไทดอย ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี จนกระทั่งสกัดรถไว้ได้ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจ แต่ก็มีรถเข้ามาชนรถของเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็มีคนมาชิงตัวคนขับสิบล้อหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปทุม และเจ้าหน้าที่ทหาร เข้าให้การช่วยเหลือก่อนเรื่องจะบานปลาย และทางเจ้าของรถไม่ให้เจ้าหน้าที่นำรถไปชั่งแต่อย่างใด จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ของกรมทางไม่สามารถนำรถไปได้ และมีการข่มขู่เจ้าหน้าที่กรมทาง ต่อมา นายยรรยง ช่วยชู เจ้าหน้าที่ชำนาญงานกรมทางหลวง จึงได้เดินทางไปที่โรงพักเมืองปทุม และได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ สุริยะโวหาร รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี จากนั้นจึงได้ประสาน และหาคนขับรถ มาขับรถบรรทุกสิบล้อ ออกจากจุดเกิดเหตุ และนำไปชั่งตามกฎหมาย ก็พบว่า รถสิบล้อได้มีน้ำหนักรวมกว่า 46 ตัน ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงได้นำรถสิบล้อส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น