MGR Online - ยธ. พร้อมยื่นมือช่วยเหลือ “น้องบีม” เด็กหญิงขาพิการนั่งรถเข็นวีลแชร์ขายลอตเตอรี่ ถูกรถพ่วง 18 ล้อชนที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 48 จ่อประสานสภาทนายฯ เอาผิดทนายรีดนัดทรัพย์คู่ความ ฐานฉ้อโกง
สืบเนื่องจากกรณีมีมารดาพาลูกสาวพิการนั่งรถเข็นวีลแชร์ มาขายของที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังประสบอุบัติเหตุชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 48 และทางบริษัทคู่กรณีจ่ายเงินค่าเสียหายผ่านทางทนายความ รวม 5 ล้านบาท ก่อนถูกทนายเชิดเงินหลบหนีไป
วันนี้ (29 มิ.ย.) นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ โฆษกกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานกองทุนยุติธรรมได้ลงพื้นที่บริเวณวัดชลประทานรังสฤษฎ์ จากการสอบถามพระภิกษุและบุคคลในวัด ได้รับแจ้งว่า น้องบีมและมารดาจะมาขายลอตเตอรี่ในเวลา 17.00 น. โดยประมาณ ณ บริเวณหน้าเมรุ ซึ่งจะมาเฉพาะวันที่มีงานศพเท่านั้น บุคคลภายในวัดไม่ได้รู้จักกับน้องบีม และมารดาเป็นการส่วนตัว เพียงแต่เคยเห็นว่ามาขายของอยู่เสมอ ซึ่งยังมีเด็กพิการอื่นๆ อีกที่มาขายของภายในวัดเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ได้สอบถามพระภิกษุที่อยู่บริเวณหน้าเมรุ ซึ่งท่านแจ้งว่า ขอให้หน่วยงานช่วยตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับกรณีนี้ เพราะมีหลายหน่วยงานให้ความสนใจและเข้ามาติดตามทำข่าว โทรศัพท์มาสอบถามที่วัดเกี่ยวกับเรื่องน้องบีมมาก
อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ แต่ไม่มีข้อเท็จจริงตามประเด็นข่าว
ตามประเด็นข่าวทราบว่า น้องบีมเรียนอยู่โรงเรียนศรีสังวาล ซึ่งเป็นโรงเรียนเด็กพิการ จึงได้ติดต่อไปที่โรงเรียน ทราบว่า น้องบีมเรียนที่นี่จริง แต่ช่วงนี้น้องบีม ไม่ได้ไปโรงเรียน เนื่องจากทางโรงเรียนจัดค่ายพุทธบุตร ซึ่งน้องบีมไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ได้เบอร์โทรศัพท์แม่ของน้องบีมแล้ว ซึ่งสำนักงานกองทุนยุติธรรมจะดำเนินการติดต่อเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับถ้าข้อเท็จจริงเป็นตามประเด็นข่าว สำนักงานกองทุนยุติธรรมสามารถให้ความช่วยเหลือได้ คือ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินคดี เช่น ค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าเดินทาง เพื่อเรียกร้องเงินในส่วนที่บริษัทรถพ่วง 18 ล้อ ได้จ่ายเงินค่าเสียหายให้แล้วโดยผ่านทนายอาสา จำนวน 5 ล้านบาทดังกล่าว คืนจากทนายความ
รวมทั้งอาจต้องแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับทนายความที่รับเงินดังกล่าวฐานฉ้อโกง และร่วมมือกับสภาทนายความดำเนินการเรื่องมารยาททนายความฐานกระทำการใดอันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครอง หรือหน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร ซึ่งมีโทษ 3 สถาน ซึ่งเรียงตามลำดับโทษที่เบาที่สุดไปจนถึงหนักที่สุด ตั้งแต่ภาคทัณฑ์ ห้ามทำการเป็นทนายความมีกำหนดไม่เกิน 3 ปี หรือลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความต่อไป