เบื้องหลังปฏิบัติการ “คมเฉือนคม” กองปราบฯ บุกจับ “บอย ยูนิตี้” คาศาล ขณะไปยื่นฟ้องดีเอสไอ เหตุมีผู้เสียหาย 6 ราย รุมแจ้งความซื้อรถหรูราคา 8 - 30 ล้าน แต่โอนทะเบียนไม่ได้ เจ้าพ่อวงการรถหรูยังชิล บอกไม่วิตกแค่ “งง” เตรียมหลักทรัพย์ยื่นประกัน เผยปัญหาเก่าอยู่ระหว่างฟ้องร้องกับศุลกากรแหลมฉบัง ที่ไม่ยอมให้เสียภาษี
วันนี้ (14 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกตุ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.สมเดช สารบรรณ์ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ “บอย ยูนิตี้” กรรมการบริษัท เอสทีที ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 286/60 ลงวันที่ 14 มิ.ย. ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ได้ที่บริเวณซอยสีคราม ทางเข้าออกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต ขณะอยู่บนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสีดำ ป้ายแดง ทะเบียน บ 1186 กรุงเทพมหานคร เพื่อเดินทางกลับออกจากศาล
ก่อนหน้านี้ นายบอย ได้เดินทางมาที่ศาล พร้อมกับทีมทนายความ เพื่อนำหลักฐานยื่นฟ้อง พันตำรวจเอก ไพสิษฐ์ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กับพวก ซึ่งเป็นรองอธิบดี และพวก รวม 12 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ / บุกรุก / และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อศาล กรณีดีเอสไอสั่งปิดโชว์รูมรถยนต์ 2 แห่ง และนำกำลังเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พร้อมอายัดรถยนต์หรูรวม 34 คัน โดยกล่าวหาว่า มีรถภายในโชว์รูมบางส่วนถูกโจรกรรมมาจากประเทศอังกฤษ และมีการแจ้งสำแดงเท็จ ซึ่งศาลได้นัดฟังคำสั่งเวลา 13.30 น. วันที่ 27 มิถุนายนนี้ โดย นายอินทระศักดิ์ ระบุว่า
จะเดินทางมาด้วยตัวเอง โดยก่อนหน้านี้ ได้ฟ้องทั้ง 12 คนในคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายกว่า 50 ล้านบาทไปแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา และหลังจากนี้จะเตรียมฟ้องคดีหมิ่นประมาทและคดีอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป ซึ่งสาเหตุที่ต้องเดินหน้าฟ้องเพราะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีบริษัทนำเข้ารถหรูกว่า 300 บริษัท แต่มีบริษัทตนบริษัทเดียวที่ถูกดำเนินคดี นอกจากนี้ ทางดีเอสไอไม่เคยแสดงเอกสารว่าตนผิดอะไร และไม่เคยเรียกเข้าไปสอบถามหรือชี้แจงใดๆ ซึ่งจนขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผิดอะไร ประกอบกับยังมีการสั่งปิดโชว์รูม ทำให้ไม่สามารถให้บริการได้ มีมูลค่าความเสียหายมาก
ต่อมาเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้คุมตัว นายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ มาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และค้นตรวจค้นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีดำ รุ่นซีรีส์ 7 ทะเบียนป้ายแดง บ 1186 กทม. และอายัดรถของ นายอินทระศักดิ์ เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเบื้องต้นตรวจค้นพบป้ายทะเบียนรถยนต์ และ ชาร์ตแสดงการเสียภาษีรถที่นายอินทระศักดิ์ เคยนำเสนอต่อสื่อมวลชน
พ.ต.อ.จิรภพ กล่าวว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้เสียหาย 6 คน เข้าแจ้งความว่า ได้ซื้อรถยนต์หรูมูลค่าตั้งแต่ 8 ล้านบาท ถึง 30 ล้านบาท จากบริษัทในกลุ่มของนายอินทระศักดิ์แล้ว ไม่สามารถจดทะเบียนได้ รวมทั้งถูกตำรวจและทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรจับ เนื่องจากไม่ได้เสียภาษี ซึ่งภายหลังทางตำรวจจึงได้รวบรวมหลักฐานในส่วนของผู้เสียหายที่ซื้อรถยนต์ปอร์เช่ รุ่น พานาเมร่า (Porsche Panamera) ในราคา 8 ล้านบาท ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน จึงขอศาลออกหมายจับ นายอินทระศักดิ์ เมื่อวานที่ผ่านมา ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำกำลังเข้าจับกุมวันนี้ ที่แขวงถนนนครไชยศรี หลังสืบทราบว่า นายอินทระศักดิ์ จะเดินทางมายื่นฟ้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ขั้นตอนหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำ นายบอย พร้อมแจ้งข้อหาในความผิดมูลฐานเดียวกันคือฉ้อโกงประชาชน ในส่วนของคดีที่ผู้ซื้อลัมบอร์กินี รุ่นอเวนทาดอร์ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท แล้วเกิดปัญหาจดทะเบียนไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนการออกหมายจับและนำกำลังจับกุมโดยไม่ออกหมายเรียก เนื่องจากคดีมีอัตราโทษเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนสามารถออกหมายจับ หรือออกหมายเรียกได้ แต่ตำรวจใช้แนวทางการออกหมายจับ และจับกุมทันที เนื่องจากพยานหลักฐานชัดเจน
ด้าน นายอินทระศักดิ์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นหมายคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งรายละเอียดนี้ยังไม่ทราบเรื่อง แต่เบื้องต้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2557 ซึ่งรถคันนี้นำออกมาจากกรมศุลกากร และมีปัญหากับทางกรมศุลกากรกันอยู่ เป็นรถปอร์เช่ รุ่น พานาเมร่า (Porsche Panamera) โดยครั้งนั้นทางกรมศุลกากรได้ปล่อยให้นำรถออกมา ซึ่งมีการนำออกมาที่ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ขณะที่ยังไม่ได้เสียภาษี และถึงเวลาจะเสียภาษีทางกรมศุลการก็ไม่ให้เสียภาษี พอเกิดเรื่องจึงได้มีการฟ้องร้องกัน โดยที่ไม่ได้เสียภาษี
อย่างไรก็ตาม รู้สึกแปลกใจ และ งงๆ ที่ถูกจับแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองมีหมายจับ โดยส่วนตัวมองว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายเรียกได้ แต่การจับกุมครั้งนี้ส่วนตัวไม่ได้กังวลใจอะไร สามารถชี้แจงได้ ยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจ และได้เตรียมหลักทรัพย์ในการขอยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนไว้แล้ว