MGR Online - ป.ป.ส.ชี้แจงการส่งเสริมการปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจนำเส้นใยมาผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า เผยทดลองปลูกแล้ว 6 จังหวัด 15 อำเภอ สายพันธุ์ที่ปลูกได้ต้องมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง
วันนี้ (29 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการส่งเสริมการปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 59 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 เฉพาะกัญชง หรือ เฮมพ์ (Hemp) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกกัญชง หรือเฮมป์ (Hemp) สำหรับการใช้ประโยชน์ในครัวเรือน (ใช้ในการทอเส้นใยผ้า) และในเชิงอุตสาหกรรม
โดยขณะนี้กฎกระทรวงดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเมื่อประกาศฯ แล้วจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 360 วันนับแต่วันประกาศเป็นต้นไป โดยระยะ 3 ปีแรกนับแต่วันประกาศจะให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ขออนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง และให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ประเมินผลเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาว่า เหมาะสมหรือไม่ที่จะอนุญาตให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมายื่นขออนุญาต
นายศิรินทร์ยากล่าวอีกว่า สาระสำคัญของกฎกระทรวง คือ สายพันธุ์กัญชงที่จะปลูกได้ต้องมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol หรือ THC) ไม่เกินร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง วัตถุประสงค์ของการขออนุญาตกำหนดไว้เพื่อ 1. ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือน 2. ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมในเชิงพาณิชย์ 3. ปลูกสำหรับการศึกษาวิจัย 4. ผลิตเมล็ดพันธุ์สำหรับปลูกตามข้อ 1-3 ข้างต้น 5. เพื่อจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ลำต้นสด หรือส่วนอื่นตามที่ได้รับอนุญาต และ 6. เพื่อใช้ประโยชน์อื่นตามที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษกำหนด โดยกำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องมีแผนการผลิต การจำหน่าย การใช้ประโยชน์ตามขั้นตอนที่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งมีสถานที่รักษาเมล็ดพันธุ์ตามวัตถุประสงค์ของการอนุญาต มีการตรวจวิเคราะห์เพื่อหาปริมาณสาร THC ในกัญชงที่ปลูก
“สำนักงาน ป.ป.ส.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) มูลนิธิโครงการหลวง ได้ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทาง เพื่อเตรียมการรองรับ เมื่อกฎกระทรวงนี้ มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นมาตรการเพิ่มเติม สนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง โดยดำเนินการเพื่อปรับปรุงพันธุ์และผลิตเมล็ดพันธุ์กัญชงที่มีปริมาณสาร THC ต่ำกว่าร้อยละ 0.5 และมีผลผลิตเส้นใยหรือปริมาณเมล็ดสูงและคุณภาพดี การส่งเสริมเกษตรกรปลูกเพื่อผลิตเส้นใยภายใต้ระบบควบคุมและการแปรรูป จากเส้นใยภายใต้ระบบควบคุมของรัฐ การพัฒนากระบวนการแปรรูปลดขั้นตอนและลดระยะเวลาในการผลิต รวมทั้งการปรับปรุงและออกแบบผลิตภัณฑ์จากกัญชงที่มีรูปแบบที่ทันสมัย” นายศิรินทร์ยากล่าว
นายศิรินทร์ยากล่าวต่อว่า สำนักงาน ป.ป.ส.จะนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ส.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว พร้อมทั้งจะกำหนดกลไกในการกำกับดูแลการปลูกกัญชงทั้งในระดับส่วนกลาง และในระดับพื้นที่ (จังหวัด/อำเภอ/ตำบล) ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้อนุญาตให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ทดลองปลูกกัญชงเพื่อการวิจัยในด้านเมล็ดพันธุ์ การส่งเสริมการปลูกและการสร้างมูลค่าเพิ่ม การพัฒนากระบวนการแปรรูปจากเส้นใย โดยทดลองปลูกใน 6 จังหวัด 15 อำเภอ เท่านั้น คือ จังหวัดเชียงใหม่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่วาง แม่ริม สะเมิง แม่แจ่ม จังหวัดเชียงราย 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเทิง เวียงป่าเป้า แม่สาย จังหวัดน่าน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาหมื่น สันติสุข สองแคว จังหวัดตาก 1 อำเภอ คือ อำเภอพบพระ จังหวัดเพชรบูรณ์ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง หล่มเก่า เขาค้อ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 อำเภอ คือ อำเภอเมือง
นายศิรินทร์ยากล่าวปิดท้ายว่า การปรับแนวทางการควบคุมและกำกับดูแลการปลูกกัญชง โดยการส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อนำเส้นใยมาผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า ฯลฯ นั้นยังคงมีการควบคุมจากภาครัฐ โดยมีการกำหนดการขออนุญาตปลูก พื้นที่ปลูก และให้ใช้ประโยชน์ได้เฉพาะตามที่ได้รับอนุญาต และต้องมีการตรวจวัดปริมาณสาร THC ของกัญชงที่ปลูก ต้องไม่เกิน ร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำกัญชงไปใช้ในทางที่ผิด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชงให้มากขึ้นด้วย