นายกฯ สั่ง “สมคิด” ถก ก.แรงงาน-ก.ศึกษาธิการ กำหนดแนวทาง-มาตรการอำนวยความสะดวก จูงใจชาวต่างชาติระดับจีเนียสเข้ามาทำงานในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น หวังดึงศักยภาพ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพต่างๆ ต่อยอดประเทศไทย 4.0-ศก.ดิจิตอล-ฮับการแพทย์
วันนี้ (29 พ.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเผยแพร่เอกสารมติการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ระบุว่าได้มอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางและมาตรการในการอำนวยความสะดวกและจูงใจให้คนต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพต่างๆให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่มีความขาดแคลน เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของไทยให้รองรับการดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 เศรษฐกิจดิจิตอล และการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ทั้งนี้ต้องไม่กระทบต่อการประกอบอาชีพของแรงงานไทยในวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง”
มีรายงานว่า ข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คาดการณ์ความต้องการแพทย์ทั่วไปและแพทย์เฉพาะทางในปี 2562 โดยคำนึงถึงโครงสร้างของประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยจะมีความต้องการแพทย์สาขาต่างๆ เพิ่มขึ้น ยกเว้นสาขาสูตินรีแพทย์ โสต ศอ นาสิก แพทย์ และกุมารแพทย์ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนแพทย์ที่คาดว่าจะผลิตได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า พบว่า ทุกสาขายกเว้นสาขา โสต ศอ นาสิก แพทย์ กุมารแพทย์ จะผลิตได้ไม่พอกับความต้องการของประชนในอนาคต อาทิ สาขาอายุรแพทย์มีรองรับ 6,643 คน ขณะที่ความต้องการอยู่ที่ 10,687 คน, ศัลยแพทย์มีรองรับ 2,863 คน ความต้องการอยู่ที่4,718 คน เป็นต้น
ขณะที่ ข้อมูลของ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ระบุอาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ขาดแคลน ได้แก่ 1. นักคิดค้นยา หรือนักเคมีปรุงยา 2. นักธรณีวิทยาปิโตรเลียม 3. นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร 4. นักวิทยาศาสตร์ด้านเครื่องสำอาง 5.นักนิติวิทยาศาสตร์ 6. นักปรับปรุงพันธุ์พืช 7. นักออกแบบผลิตภัณฑ์ 8. นักวิศวกรชีวการแพทย์ 9. นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และ 10. นักออกแบบและสร้างภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น