xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยุติธรรมสรุปคดีปี 2559 ชี้ สำนวนคดีคั่งค้างลดลงต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลยุติธรรมสรุปคดีปี 2559 เผย คดีคั่งค้างลดน้อยลง ชี้ คดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบมากขึ้น เตรียมเปิดใช้ระบบ E-Filing สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ พร้อมวางมาตรการป้องกันแฮกเกอร์เจาะข้อมูลระบบศาล

ที่ห้องประชุมชั้น 12 สำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (23 ธ.ค.) นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมด้วย นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม และ นายพิสิษฐ นิ่งน้อย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา แถลงผลการดำเนินงานด้านคดีของศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ประจำปี 2559

นายอธิคม เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2559 มีคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้น จำนวน1,736,954 คดี ซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเสร็จ 1,488,890 คดี มีคดีค้าง 248,064 คดี ขณะที่การไกล่เกลี่ยคดี มีคดีแพ่งเข้าสู่ระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 345,095 คดี ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 300,932 คดี ส่วนคดีอาญาเข้าสู่ระบบ 12,300 คดี ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 6,763 คดี

ศาลอุทธรณ์มีปริมาณคดีที่เข้าสู่การพิจารณามีจำนวน 55,069 คดี คดีที่พิพากษาเสร็จแล้ว จำนวน 48,616 คดี ซึ่งคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 88.28 และอยู่ระหว่างการพิจารณาจำนวน 6,453 คดี นอกจากนี้ พบว่า คดีที่พิพากษาเสร็จแล้วส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะเวลาเกิน 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน

ศาลฎีกามีปริมาณคดีที่เข้าสู่การพิจารณาทั้งสิ้น 21,515 คดี ได้แก่ คดีแพ่ง จำนวน 5,799 คดี คดีพิพากษาเสร็จแล้ว 11,948 คดี ซึ่งคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 55.33 นอกจากนี้ พบว่า คดีที่พิพากษาเสร็จแล้วส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 5,041 คดี ส่วนคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จเกิน 5 ปี มีทั้งสิ้น จำนวน 198 คดี หรือเป็นร้อยละ 2.07

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีสัญญาณที่แสดงถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจากสถิติคดีแพ่ง คดีล้มละลาย และคดีแรงงานที่ผ่านมาหรือไม่ นายอธิคม กล่าวว่า มีสัญญาณหรือไม่ขอให้ดูจากตัวเลขคดีทางเศรษฐกิจ เริ่มจากคดีแพ่ง ช่วง 10 เดือนแรกของปี 2559 พบว่า มี 993,229 คดี ส่วนปี 2558 ตัวเลขอยู่ที่ 750,692 คดี ขณะที่คดีล้มละลาย ในปี 2559 อยู่ที่ 5,641 คดี เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 ตัวเลขคดีอยู่ที่ 5,195 คดี ส่วนคดีแรงงานปี 2559 มีจำนวน 17,026 คดี ในปี 2558 อยู่ที่ 13,979 คดี ซึ่งปริมาณเพิ่มขึ้นพอสมควรจะเป็นสัญญาณหรือไม่ต้องช่วยกันพิจารณา

นายอธิคม ยังกล่าวถึงการอำนวยความยุติธรรมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชน คือ การเปิดทำการศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ซึ่งหลังจากเปิดทำการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีคดีค้างเก่าที่โอนมาจากแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ 77 คดี และมีคดียื่นฟ้องใหม่ 151 คดี ปัจจุบันศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีจำนวนคดีที่ต้องพิจารณา 228 คดี โดยในปี 2560 จะทยอยเปิดทำการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาคขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 ให้ครบ 9 แห่ง

ด้าน นายสืบพงษ์ กล่าวเสริมถึงการบริหารจัดการคดีของศาลยุติธรรมให้มีความรวดเร็วว่า ปัจจุบันศาลยุติธรรมได้เร่งพิจารณาคดีให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี โดยสถิติคดีที่ผ่านมาศาลชั้นต้นพิจารณาคดีแล้วเสร็จ ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน มีจำนวน 705,338 คดี และช่วงระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน มีจำนวน 187,862 คดี ซึ่งตัวอย่างคดีสำคัญคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาที่อยู่ในการพิจารณาของศาล ขณะนี้ได้สืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าจะสืบพยานฝ่ายจำเลยเสร็จไม่เกินเดือนมีนาคม 2560

นอกจากนี้ นายพิสิษฐ ได้กล่าวถึงการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จะนำมาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในด้านคดี ว่า ประธานศาลฎีกาได้มีนโยบายต่อการพัฒนาระบบงานศาลยุติธรรมให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย สะดวก ทั่วถึง เท่าเทียมกัน และเสียค่าใช้จ่ายน้อย โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ศาลได้ดำเนินการให้คู่ความที่หมายถึงโจทก์จำเลย และทนายความดำเนินการคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และ ศาลฎีกา ผ่านทางเว็บไซต์ได้ ซึ่งมีการเชื่อมโยงกับศาลยุติธรรมทั่วประเทศ หลังจากสำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกระเบียบว่าด้วยการให้บริหารคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาระหว่างศาลยุติธรรมทั่วประเทศ พ.ศ. 2559 เพื่อแก้ปัญหาการต้องใช้เวลาและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ ในปี 2560 ศาลยุติธรรมได้จัดทำระบบการยื่นคำฟ้อง การส่งคำคู่ความ หรือคำสั่งศาล และเอกสารอื่นโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Filing ซึ่งจะให้คู่ความและประชาชนที่มีคดีสามารถยื่นคำฟ้อง การส่งคำคู่ความ หรือคำสั่งศาล และเอกสารอื่นโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งจะเน้นคดีที่มีลักษณะไม่ยุ่งยาก หรือซับซ้อนเกินไป เช่น คดีบัตรเครดิต คดีสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคาร คดีเช่าซื้อ ซึ่งจะเริ่มนำร่องที่ศาลแพ่งธนบุรี เนื่องจากมีความพร้อมทางด้านระบบแล้ว ก่อนที่จะขยายมาที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และศาลแพ่งซึ่งมีคดีลักษณะดังกล่าวจำนวนมาก แล้วจึงนำไปใช้ในศาลยุติธรรมทั่วประเทศช่วงเดือนเมษายน ปี 2561 ทั้งนี้ ศาลยุติธรรมยืนยันว่าได้วางมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของศาล โดยคู่ความที่จะใช้บริการต้องลงทะเบียนแสดงตัวตนต่อศาลให้เห็นว่าเป็นผู้มีสิทธิ์ยื่นคำฟ้องและเอกสารผ่านระบบ E-Filing ซึ่งธนาคารโลก หรือ World Bank ได้จัดลำดับความน่าเชื่อถือในการลงทุน Doing Business 2016 ของประเทศไทยกับการนำสื่อเทคโนโลยีมาใช้ในศาลยุติธรรม Court Automation ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะเสริมสร้างความน่าเชื่อถือที่ต่างชาติจะนำเงินมาลงทุนในประเทศไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น