MGR Online - ผบ.ตร.ลั่นเอาผิดเพจพลเมืองต่อต้าน Single Gateway แฮกข้อมูล ตร.หวังดิสเครดิต กำชับ ปอท.เช็กตัวผู้กระทำผิด เย้ยข้อมูลที่นำเผยแพร่เรื่องเงินเดือน-ค่าเบิกจ่าย ไม่ใช่ความลับ
วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเพจพลเมืองต่อต้าน Single Gateway ได้โพสต์ข้อความประกาศจะเปิดข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 4,000 นาย ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับเงินดือน, ค่ารักษาพยาบาล, ค่าเล่าเรียน, เลขที่บัญชีธนาคาร และค่าใช้จ่ายต่างๆ พร้อมทั้งเตรียมแฮกข้อมูลหน่วยงานของรัฐอีกจำนวนมากว่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) เร่งรัดหามาตรการป้องกันการเข้าถึงชั้นความลับทุกกรณี และสั่งการให้ทุกหน่วยไปตรวจสอบการเข้าถึงที่ไม่ชอบทุกกรณีด้วย พร้อมมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) รับผิดชอบตรวจสอบกลุ่มคนผู้กระทำผิด
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อว่า สำหรับข่าวตามเพจต่างๆที่มีการแชร์ว่ามีหลายเว็บไซต์ของตำรวจถูกแฮก ตรวจสอบแล้วเบื้องยังไม่พบว่ามีเพจใดได้รับความเสียหาย หรือถูกเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับ โดยเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการดิสเครดิตหน่วยงานราชการเท่านั้น จึงขอเตือนผู้ที่ชักชวนผู้อื่นให้กระทำผิด และผู้ที่ลงมือกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน ทั้งนี้ได้ให้ทุกหน่วยไปสำรวจความเสียหายของเว็บไซต์และข้อมูลก่อนมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด
“ไม่อยากให้มองว่าเว็บไซต์ตำรวจถูกแฮกได้ง่าย ไม่ว่าจะมีการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ไปถึงขั้นไหน อาชญากรเหล่านี้จะหาช่องว่างในการเข้าถึงระบบ เป็นกลไกปกติ แต่ยืนยันว่าไม่มีความเสียหายทางข้อมูลหรือชั้นความลับทางราชการ ส่วนเมื่อคืนที่มีการแฮ็กข้อมูลของตำรวจทางหลวงแล้วนำมาเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งเงินตำรวจ ค่ารักษาพยาบาล เลขบัญชีธนาคาร และค่าใช้จ่ายอื่นๆ นั้น ไม่ได้เป็นข้อในชั้นความลับจึงไม่ได้เสียหายอะไร และขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดของรัฐมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุ ส่วนจะเป็นการท้าทายอำนาจรัฐหรือไม่ มองว่าคงจะเป็นแบบนั้น” รองโฆษก ตร.ระบุ
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งดำเนินการติดตามกลุ่มแฮกเกอร์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวเข้ามาแต่อย่างใด บอกได้เพียงว่าขณะนี้การสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับผู้กระทำผิดว่าเป็นคนกลุ่มใด ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุอยู่ในประเทศหรือไม่ ตรงนี้เป็นเรื่องของการสืบสวนขอไม่เปิดเผยรายละเอียด
