xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอรวบแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ เงินหมุนเวียนกว่า 4 พันล้าน พบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องพันนาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ดีเอสไอผสานทหารทลายแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดรายใหญ่ พบเงินหมุนเวียนกว่า 4 พันล้านบาท เตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ชี้มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกว่า 1 พันราย พร้อมยึดอายัดทรัพย์สิน 150 ล้านบาท

วันนี้ (23 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะผู้กำกับดูแลศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมพิเศษ และผู้แทนจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, 3, 4, 5, 9 และกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ฯ ร่วมแถลงกรณีบุกค้นจับกุมกลุ่มขบวนการปล่อยหนี้นอกระบบรายใหญ่ที่สุดของประเทศ แก๊งหมวกกันน็อก ที่มีเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดมากกว่า 2,000 ราย และมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้ประมาณ 170,000 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดกว่า 150 ล้านบาท

พ.ต.อ.ดุษฎีเปิดเผยว่า การจู่โจมตรวจค้นเป้าหมายสถานที่และการเข้าจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 26 จุด ทั้งในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จ.เชียงใหม่ จ.สงขลา และ จ.ขอนแก่น สามารถยึดทรัพย์ที่ได้มาหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ได้แก่ รถยนต์ จำนวน 26 คัน จักรยานยนต์ 86 คัน ตู้นิรภัย 14 ตู้ ธนบัตรไทยและเงินสกุลต่างประเทศ คอมพิวเตอร์อุปกรณ์การสื่อสารและของมีค่าจำนวนหลายรายการ เช่น ทองรูปพรรณ สร้อยคอ แหวนเพชร และพระเครื่อง นอกจากนี้ได้ดำเนินการอายัดบัญชีเงินฝากจำนวน 28 เล่ม อาวุธปืนจำนวน 4 กระบอก และลูกกระสุนปืนจำนวน 309 นัด โฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 5 แปลง รวมทั้งสิ้นมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท

โดยเจ้าหน้าที่ออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายวิชัย ปั้นงาม และนายไชยวุฒิ วิวัฒนอารีกุล ก่อนสามารถจับกุมนายไชยวุฒิที่ทำหน้าที่ดูแลด้านไอที ดูแลระบบการจัดเก็บเงินกู้ที่เชื่อมโยงทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

พ.ต.อ.ดุษฎีเผยอีกว่า จากการจับกุมผู้ต้องรายนี้เชื่อว่าจะสามารถสอบขยายผลไปยังตัวการสำคัญอีกหลายราย ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือ นายวิชัย ผู้ต้องหาที่อยู่ระดับบนสุดของเครือข่ายได้เดินทางไปเที่ยวกับครอบครัวยังต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้จะเตรียมขยายผลติดตามตัวและดำเนินการออกหมายจับไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ กว่า 1,000 หมายจับ และส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.อุทัยธานี เพราะมีรถยนต์กว่า 100 คัน จักรยานยนต์อีก 1,600 คัน ป้ายทะเบียนมาจาก จ.อุทัยธานี เบื้องต้นทางการข่าวตรวจสอบพบว่าขยายการดังกล่าวได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 มีเครือข่ายสาขาย่อย 86 สาขาทั่วประเทศ และมีเงินหมุนเวียนในเครือข่ายกว่า 4,000 ล้านบาท โดยจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปปง.ดำเนินการวางมาตรการกดดันกลุ่มผู้ต้องหา และเยียวยากลุ่มลูกหนี้

“สำหรับขบวนการปล่อยหนี้นอกระบบดังกล่าวจะเก็บเรียกเก็บ 20 เปอร์เซ็นต์ต่อ 25 วัน หากคิดเป็นระยะเวลา 1 ปี เท่ากับ 300 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถออกจากวงจรดังกล่าวได้ และหากมีร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดก็จะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องซึ่งได้ตรวจสอบพบว่ามีกว่า 1,000 คนร่วมในการกระทำผิดครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการหนี้นอกระบบอีกหลายคดี” พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ ได้มีมติในที่ประชุมครั้งที่ 2/2559 เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 59 เห็นชอบให้กรณีขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เป็นคดีพิเศษที่ 99/2559 ซึ่งกลุ่มขบวนการดังกล่าวมีลักษณะการกระทำความผิดโดยจัดตั้งบริษัทบังหน้า มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ จ.ปทุมธานี และสาขาทั่วประเทศมากกว่า 86 สาขา มีเครือข่ายผู้กระทำความผิดมากกว่า 2,000 ราย และมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้กว่า 170,000 ราย ปรากฏเงินหมุนเวียนในระบบมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท

ขณะที่ พ.ต.ต.สุริยาระบุว่า คดีนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษซึ่งได้ร่วมบูรณาการหลายฝ่ายจึงสามารถจับกุมได้ จากการติดตามมากว่า 2 ปี ทั้งจากทางการข่าว และการใช้กฎหมายพิเศษของดีเอสไอในการหาข้อมูล พบว่าเป็นรายใหญ่ของประเทศ มีการปกปิด แอบเปิดบริษัทย่อย และปิดเพื่อพรางตา โดยมีองค์กรต่างๆ ให้การสนับสนุนทั้งกลุ่มไอที กฎหมาย และผู้มีอิทธิพลซึ่งมีส่วนกลางในการควบคุมและขยายไปทั่วประเทศ




กำลังโหลดความคิดเห็น