xs
xsm
sm
md
lg

ศาลมีนบุรีสั่งประหาร “หมอนิ่ม” พร้อมทนายจ้างวานฆ่า “เอ็กซ์-จักรกฤษณ์” มือปืนคุกตลอดชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“หมอนิ่ม” พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ (ภาพจากแฟ้ม)
ศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษาประหารชีวิต “พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ” หรือ “หมอนิ่ม” พร้อม “ทนายอี๊ด” จ้างวานฆ่า “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” อดีตนักแม่นปืนทีมชาติไทย เมื่อปี 2556 ส่วนมือปืน และคนขี่ จยย. ให้จำคุกตลอดชีวิต ขณะที่ มารดาหมอนิ่ม ศาลยกฟ้อง

วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.383/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลจังหวัดมีนบุรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจิรศักดิ์ หรือ จี กลิ่นคล้าย อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นมือปืน, นางสุรางค์ ดวงจินดา อายุ 74 ปี มารดาของ พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม, พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 40 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว อดีตภรรยาของ นายจักรกฤษณ์ หรือ เอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย, นายสันติ หรือ อี๊ด ทองเสม อายุ 30 ปี อาชีพทนายความ และ นายธวัชชัย หรือ อ้น เพชรโชติ อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง ผู้ขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนก่อเหตุ เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, จ้างวานใช้ ยุยงส่งเสริม ให้ฆ่า, มีและพกพาอาวุธปืน ยิงอาวุธปืนในที่ทางสาธารณะ

อัยการโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2557 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างเดือน ส.ค. - วันที่ 19 ต.ค. 2556 จำเลยที่ 2 - 4 ได้ร่วมกันจ้างวานใช้ นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 กับพวกที่อยู่ระหว่างหลบหนี ให้ฆ่านายจักรกฤษณ์ หรือ เอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ซึ่งต่อมาจำเลยที่ 1 กับพวกได้ใช้อาวุธปืนออโตเมติก ยี่ห้อลูเกอร์ รุ่นโตกาเรฟ ขนาด 7.62 มม. ยิง นายจักรกฤษณ์ หลายนัด ถูกที่หน้าอก หัวใจ ปอด จนถึงแก่ความตาย สมดังเจตนาของพวกจำเลย ก่อนหลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมจำเลยได้ ชั้นสอบสวน นายจิรศักดิ์ และ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 1 - 2 ให้การภาคเสธ ส่วน พญ.นิธิวดี อดีตภรรยา นายจักรกฤษณ์ และ นายสันติ ทนายความ จำเลยที่ 3 - 4 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี เหตุเกิดที่แขวง - เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ และที่อื่นเกี่ยวพันกันโดยในชั้นพิจารณาของศาล จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

ระหว่างการพิจารณาคดี นางสุรางค์ มารดาของหมอนิ่ม กับ พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม และ นายสันติ หรือ ทนายอี๊ด จำเลยที่ 2 - 4 ได้ประกันตัวไปคนละ 5 แสนบาท คดีสืบพยานเสร็จสิ้น เมื่อเดือน ก.ย. 59 ที่ผ่านมา

โดยศาลเบิกตัว นายจิรศักดิ์ มือปืน จำเลยที่ 1 และ นายธวัชชัย ผู้ขี่จักรยานยนต์ จำเลยที่ 5 จากเรือนจำ ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวตลอดการพิจารณาคดี ส่วน น.ส.สุรางค์ มารดาของหมอนิ่ม กับ พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม และ นายสันติ ทนายความ จำเลยที่ 2 - 4 มาศาลตามนัด

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า อัยการโจทก์มีเจ้าพนักงานตำรวจเบิกความเป็ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้ว พยานเบิกความว่า รู้จักกับ พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 มานานกว่า 9 ปี และทราบว่าถูกผู้ตายทำร้าย โดยขอให้หาคนมาจัดการซึ่งมีการแนะนำให้รู้จักกับนายสันติ จำเลยที่ 4 โดยพยานก็ได้เห็นว่ามีการส่งเงินให้กับนายสันติ ส่วนที่มีพยานเบิกความว่า นางสุรางค์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้จ่ายเงินให้กับนายสันติด้วยนั้น ก็เป็นคำให้การซัดทอดและมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ศาลจึงรับฟังด้วยความระมัดระวังประกอบกับพยานบุคคลอื่น

ขณะที่โจทก์ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบิกความเป็นพยานถึงการสืบสวนสรุปสาเหตุความขัดแย้งการสังหารผู้ตายว่าเกิดจากปัญหาในครอบครัว ซึ่งมีพยานอื่นเบิกความสนับสนุนเรื่องที่ผู้ตายคบหาคนอื่น และเคยพบกับ พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 จนทำให้เกิดความไม่พอใจ ก่อนที่ พญ.นิธิวดี จะพามารดา เข้าร้องทุกข์ว่าถูกผู้ตายทำร้ายร่างกาย กระทั่งผู้ตายถูกจับกุมแล้วภายหลังถูกปล่อยตัวและพบว่าทรัพย์สินในตู้เซฟที่ธนาคารหายไป จึงไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พญ.นิธิวดี และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ในภายหลัง
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ ของนายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 และ นายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ก็พบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายสันติ จำเลยที่ 4 ประกอบกับพนักงานสอบสวน เบิกความด้วยว่า นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน โดยละเอียดว่ารู้จักกับนายสันติ จำเลยที่ 4 และนายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ได้อย่างไร ขณะที่คำเบิกความของนายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ก็มีรายละเอียดสอดคล้องกับนายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 แม้ภายหลังจะอ้างว่าถูกข่มขู่ให้รับสารภาพ แต่ก็พบว่ามีญาติของจำเลยเข้าร่วมฟังการสอบสวนด้วย

จากข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ ประกอบคำเบิกความของพยาน และภาพจากกล้องวงจรปิด ประกอบกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ มีน้ำหนักมั่นคงว่า นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 , พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 , นายสันติ จำเลยที่ 4 และ นายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้อง

จึงพิพากษาว่า นายจิรศักดิ์ และนายธวัชชัยจำเลยที่ 1 และที่ 5 มีความผิดตาม ม.289(4), 371 , พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ม.7, 8 , 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสองส่วน พญ.นิธิวดี และนายสันติหรือทนายอี๊ดจำเลยที่ 3-4 มีความผิดตาม ม. 84, 289 (4)โดยนายสันติ จำเลยที่ 4 ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ม.7, 72 วรรคสามด้วย ให้ประหารชีวิต นายจิรศักดิ์ และนายธวัชชัย จำเลยที่ 1 และที่ 5 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ประหารชีวิต และให้ประหารชีวิต พญ.นิธิวดี และนายสันติ จำเลยที่ 3-4 ฐานร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน และให้จำคุกนายจิรศักดิ์ , นายสันติ และนายธวัชชัย จำเลยที่ 1, 4 และ 5 อีกคนละ 1 ปีฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปที่สาธารณะฯ ให้จำคุกนายจิรศักดิ์ และนายธวัชชัย จำเลยที่ 1 และที่ 5 อีกคนละ 6 เดือนซึ่งทางนำสืบและคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และ 5 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษคนละ 1ใน 3

จึงให้จำคุกตลอดชีวิตนายจิรศักดิ์ และนายธวัชชัย จำเลยที่ 1 และที่ 5 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , จำคุกคนละ 8 เดือน ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นฯ , จำคุกคนละ 4 เดือน ฐานร่วมกันพกอาวุธปืนฯ แต่เมื่อรวมโทษทุกระทงแล้ว คงจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 และ ที่ 5 ส่วน พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 ให้ประหารชีวิต ฐานร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนายสันติ หรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 เมื่อต้องโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นมารวมได้อีก คงประหารชีวิตสถานเดียว ให้จำเลยที่ 1, 3, 4 และ 5 ร่วมกันชดใช้เงิน 2,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีแก่นายมานพ โจทก์ร่วม และนางสมคิด ผู้ร้อง บิดา-มารดานายจักรกฤษณ์ผู้ตายด้วย นับตั้งแต่เดือน ก.ย.57 ที่ได้ยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้พิพากษายกฟ้องน.ส.สุรางค์ มารดาหมอนิ่มจำเลยที่ 2 พร้อมให้ริบปลอกกระสุนปืนและลูกกระสุนปืนของกลาง ด้วย

ภายหลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวนายจิรศักดิ์ พญ.นิธิ นายสันติ และนายธวัชชัยวดี ไปยังเรือนจำพิเศษมีนบุรี

นางสมคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ซึ่งมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็มีความรู้สึกทุกข์ใจมาโดยตลอด และได้อโหสิกรรมให้กับผู้กระทำผิดมานานแล้วแต่ขณะนี้รู้สึกห่วงหลานทั้งสองคนมาก

ขณะที่นายบุญเรือง อุทัยรัตน์ ทนายความของครอบครัว พณิชย์ผาติกรรม โจทก์ร่วม กล่าวว่า คดีนี้ใช้เวลา 3 ปี ซึ่งศาลพิพากษาแล้วให้จำเลยทั้งสี่ ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับนางสมคิด มารดาของนายจักรกฤษณ์ ผู้ตายที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้จำเลยชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะให้กับมารดาที่ต้องเสียบุตรชายไป อย่างไรก็ดีโจทก์ร่วม ก็คงไม่ติดใจอุทธรณ์ในส่วนนี้ืถือว่า ศาลพิพากษามาอย่างเหมาะสมแล้ว         
           
ด้านนายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความของพญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม ได้ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์เดิมซึ่งเป็นเงินสด 500,000 บาทและเพิ่มหลักทรัพยใหม่เป็นเงินสดอีก 2 ล้านบาท รวทหลักทรัพย์ทั้งสิ้น 2.5 ล้านบาท พร้อมยื่นหนังสือเดินทางเป็นหลักประกันว่าจะไม่หลบหนี โดยศาลมีคำสั่งส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องประกันตัวต่อไป ดังนั้นพญ.นิธิวดี จึงต้องเข้าเรือนจำพิเศษมีนบุรีก่อน
                                                                           
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น