MGR Online - รอง ผบ.ตร. ถกดีเอสไอ พร้อม 10 หน่วยงาน วางแผนบุกค้นวัดธรรมกายล็อก “ธัมมชโย” ยันไม่ต้องการปะทะ หากขวางดำเนินจับทันที เชื่อยังอยู่ในวัดไม่หนีไปไหน เชื่อศาลไม่ให้ประกันเหตุไม่มีท่าทีมอบตัว และใช้ พ.ร.บ.สงฆ์ฯ จับสึกทันที ด้าน “ไพสิฐ” ยันไม่มีการใช้ ม.44
วันนี้ (9 ธ.ค.) 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวม 10 หน่วยงาน เช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหาร และตัวแทนจากสำนักพุทธศาสนา ร่วมกันประชุมหารือแนวทางการปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย การจัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าจับกุมตัวพระเทพญาณมหามุณี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีสมคบกันฟอกเงิน และคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจากการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซ วัลเลย์ (world peace valley) เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวยืนยันว่า การจับกุมพระธัมมชโยไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ในทางปฏิบัติหากผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการควบคุมตัวและดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที ส่วนตัวเชื่อว่าพระธัมมชโยยังคงอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย
ส่วนปฏิบัติการเข้าตรวจค้นครั้งที่ผ่านมาไม่ถือว่าเป็นการคว้าน้ำเหลว เพียงแต่ไม่พบตัวพระธัมมชโยเท่านั้น แต่สำนวนคดีทั้งหมดก็ได้ส่งฟ้องต่ออัยการเรียบร้อยแล้ว และยืนยันว่ากรอบระยะเวลาการมอบตัวยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากคดีมีอายุความถึง 15 ปี ผู้ต้องหายังคงสามารถมอบตัวได้ แต่ขณะนี้พระธัมมชโยก็ยังไม่มีทีท่าจะเข้ามอบตัวแต่อย่างใด ดังนั้น หากมีการควบคุมตัวพระธัมมชโยได้และศาลคัดค้านการประกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 29 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสึกผู้ต้องหา ทั้งนี้การประกันตัวจะยึดตาม พ.ร.บ.สงฆ์ หากไม่ได้รับการประกันตัวต้องถูกจับสึกทันที
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมปฏิบัติการควบคุมตัวพระธัมมชโย ซึ่งการประชุมวันนี้เป็นการประเมินสถานการณ์การดำเนินการร่วมกับทุกฝ่าย พร้อมยืนยันว่าจะยังไม่มีการนำมาตรา 44 เข้ามาบังคับใช้ในการจับกุมพระธัมมชโย แต่จะพิจารณาตามประมวลกฎหมายเท่านั้น ซึ่งก็ได้ส่งสำนวนคดีทั้งหมดของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้พนักงานอัยการส่งฟ้องแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของอัยการว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่
ส่วนกรณีการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสคนใหม่เชื่อว่าไม่มีปัญหา เนื่องจากได้เชิญสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย
ต่อมาภายหลังการประชุมหารือโดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการขอทราบข้อมูลแต่ละหน่วยที่มาร่วมประชุมนั้น มีพื้นฐานสนับสนุนการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งยังไม่ได้มีการวางกำลังการปฏิบัติแต่อย่างใด ส่วนการนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นวัดธรรมกายนั้นยังไม่มีกำหนด
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ทางวัดพระธรรมกาย มีการเผยแพร่ข่าวสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียนั้น หากมีเนื้อหาที่เข้าข่ายปลุกระดมสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความวุ่ยวาย ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ทาง ปอท. ตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งนี้หากมวลชนมีการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่ทางวัดพระธรรมกายจะมีการยื่นถวายฎีกาเกี่ยวกับคดีของพระธัมมชโยนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่า เป็นสิทธิ์ของทางวัดพระธรรมกาย แต่ยืนยันว่า ไม่กระทบต่อแผนหรือแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามการขออำนาจศาลเพื่อขอออกหมายค้นวัดพระธรรมกายนั้น ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งในวันนี้เป็นเพียงแค่การร่วมประชุมครั้งแรก และจะมีการหารืออีกครั้งในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว แต่ทางพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำใว้ว่า ให้สนับสนุนการปฏิบัติตามที่ทางดีเอสไอร้องขอ ซึ่งทางดีเอสไอ จะมีการกำหนดขอกำลังสนับสนุนการปฏิบัติในที่ประชุมครั้งถัดไป
ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าววยืนยันว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอนั้นเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติ ซึ่งต้องมีความรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย ส่วนแผนการปฏิบัติเป็นอย่างไรนั้น ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ทั้งนี้ทางการข่าวของดีเอสไอ ยังมีข้อมูลว่า พระธัมมชโย ยังคงอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย พร้อมยืนยันว่า ดีเอสไอ ไม่ได้มีการทำงานล่าช้า แต่เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย และอยากร้องขอให้ศิษยานุศิษย์ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการนำตัวพระธัมมชโย มาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยไม่มีการขัดขวางแต่อย่างใด