xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนจำคุกตลอดชีวิต “ติ๊งต่าง” ฆ่าข่มขืนเด็กชาย 7 ขวบ ใน จ.เลย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุกตลอดชีวิต “ติ๊งต่าง” ฆ่าข่มขืน ด.ช.วัย 7 ขวบ ที่เมืองเลย ด้านทนายความเตรียมยื่นฎีกา หวังให้เป็นบรรทัดฐานทางกฎหมาย

วันนี้ (8 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.514/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายหนุ่ย หรือ ติ๊งต่าง หรือ ขุนเดช ไม่มีนามสกุล อายุ 33 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กับอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของผู้อื่นฯ มาตรา 277 และ 277 ทวิ, ล่อลวงไปเพื่ออนาจารกับผู้ที่อายุไม่เกิน 15 ปีฯ มาตรา 283 ทวิ, ฆ่าผู้อื่น มาตรา 288, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองฯ มาตรา 289, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ มาตรา 309, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพฯ มาตรา 310 และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีจากผู้ปกครองฯ มาตรา 317

อัยการโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2558 สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2556 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยพราก ด.ช.แม็ก (นามสมมติ) อายุ 7 ปี ไปจากบิดาและมารดาเพื่อนำเด็กไปกระทำชำเรา โดยจำเลยพูดหลอกเด็กชายจากงานกฐิน วัดศรีอุดมวงษ์ ว่า จะพานั่งซ้อนท้ายจักรยานไปเที่ยว เมื่อเด็กยินยอมไปด้วย จำเลยก็ได้ใช้กำลังประทุษร้าย ฉุดดึงเด็กชายเข้าไปในป่าบนยอดเขาภูผาสิงห์ เขตบ้านโนนสมบูรณ์ ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง จ.เลย แล้วจำเลยใช้สนองความใคร่ผ่านทวารหนักของเด็กชายจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง โดยเด็กนั้นไม่ยินยอม แต่อยู่ในภาวะที่ขัดขืนไม่ได้ ซึ่งเด็กชายสลบหมดสติ และถึงแก่ความตาย ขณะถูกกระทำชำเรา เนื่องจากจำเลยใช้มือทั้งสองบีบลำคอเด็กชายอย่างแรงจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งจำเลยมีเจตนาฆ่าและได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ต่อมาจำเลยได้นำศพห่อด้วยผ้าห่มแล้วยัดใส่ถุงปุ๋ย แล้วนำเสื้อกางเกง รองเท้าแตะผู้ตายใส่ลงไปก่อนใช้เชือกมัดปากถุงไว้ โดยทิ้งศพไว้ที่เกิดเหตุอันเป็นการซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย เหตุเกิดที่วัดศรีอุดมวงษ์ ต.ศรีสงคราม และที่ภูผาสิงห์ เขตบ้านโนนสมบูรณ์ ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง จ.เลย จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ในชั้นศาลให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวนายติ๊งต่าง จำเลย มาจากเรือนจำกลางบางขวาง เพื่อฟังคำพิพากษา

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2558 ว่าจำเลยกระทำความผิดจริง ให้ประหารชีวิตจำเลยฐานฆ่าผู้อื่น, จำคุก 1 ปี ฐานซ่อนเร้นทำลายศพฯ, จำคุก 6 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และจำคุกอีก 6 ปี ฐานพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แต่คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่น, จำคุก 8 เดือน ฐานซ่อนเร้นทำลายศพฯ, จำคุก 4 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และจำคุก 4 ปี ฐานพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิตสถานเดียว ต่อมาจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยาน แต่คำรับสารภาพของจำเลยก็เพียงพอ โดยในการสอบสวนจำเลยรับสารภาพเองต่อหน้าทนายความ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา และผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่อาจทำร้ายให้รับสารภาพได้ อีกทั้งจำเลยเป็นผู้เขียนแผนที่แสดงเส้นทางที่ซ่อนเร้นศพที่ยอดภูผาสิงห์ทั้ง 6 แผ่น ด้วยตนเอง ก่อนที่โจทก์จะนำมารวมเป็นแผ่นเดียว การที่จำเลยพาเด็กชายไปเพื่ออนาจาร ถือเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จากผู้ปกครองฯ และการที่จำเลยจูงมือเด็กชายพาเข้าไปในป่าบนยอดเขาภูผาสิงห์ เป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมโดยใช้กำลังประทุษร้าย ส่วนที่จำเลยบอกแก่เด็กชายว่าจะพากลับบ้าน เชื่อว่า เป็นการหลอกล่อให้เด็กชายอยู่ต่อ แสดงว่า เป็นการหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากอิสรภาพ นอกจากนี้ จำเลยยังใช้มือบีบคอเด็กชายจนเสียชีวิต ขณะกระทำชำเรา จากนั้นนำผ้าห่มมาห่อศพ ใส่ในถุงปุ๋ย และใช้เชือกมัดปากถุงแล้วนำไปทิ้งไว้ที่บริเวณภูผาสิงห์ กระทั่งเจ้าหน้าที่ไปพบโครงกระดูก เมื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ พบว่า ตรงกับแม่ของเด็กชาย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และฐานซ่อนเร้นอำพรางศพฯ ด้วย ที่จำเลยอ้างว่าถูกบังคับให้รับสารภาพ และไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์นั้น เป็นคำกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐาน อีกทั้งขัดแย้งกับคำให้การในชั้นสอบสวน หลักฐานโจทก์จึงมั่นคงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต

ภายหลังทนายความของนายติ๊งต่างเปิดเผยว่า คดีนี้มีเพียงพยานบอกเล่า ประกอบกับไม่มีหลักฐานอื่นที่จะดำเนินคดีได้ ดังนั้น ตนจะยื่นฎีกาเพื่อให้คำพิพากษาเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายติ๊งต่างก่อนหน้านี้เคยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต กรณีข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี มาแล้ว 2 สำนวน โดยชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ ประกอบด้วย 1. คดีหมายเลขดำ ที่ อ.602/2557 ของศาลจังหวัดพระโขนง กรณีเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2556 จำเลยได้ลวง ด.ญ.การ์ตูน อายุ 6 ขวบ ไปซื้อขนมก่อนจะพาเข้าไปในพงหญ้าใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แบริ่ง แล้วทำร้ายเด็กหญิงจนหมดสติก่อนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ 2. คดีหมายเลขดำ ที่ อ.163/2558 ของศาลอาญา กรณีเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2556 จำเลยได้พราก ด.ญ.น้อย อายุ 4 ขวบเศษ ไปจากผู้เป็นตาซึ่งเป็นผู้ปกครอง ระหว่างไปขายของที่งานกาชาดอำเภอเมืองเลย โดยจำเลยหลอกล่อว่าจะพาไปเดินเล่นและซื้อของเล่น แล้วใช้กำลังบังคับเด็กหญิงเข้าไปในป่าละเมาะห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 400 เมตร และจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงจนสำเร็จความใคร่ แล้วใช้มือบีบคอทำให้ขาดอากาศหายใจและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น