MGR Online - กองปราบรวบแก๊งต้มตุ๋น ทำทีขอซื้อบ้านจัดสรรที่ชลบุรี 150 ล้าน แต่ขอให้เจ้าของโครงการติดตั้งเครื่องรูดบัตรเครดิตธนาคารธนชาตและใช้ระบบออฟไลน์ อ้างจะรูดเงินซื้อบ้าน 30 ล้านก่อน แต่ขอค่าดำเนินการ 15 ล้าน เจ้าของโครงการไหวตัวทัน ประสานธนาคารและตำรวจตะครุบตัวได้ 3 ราย พบคดีติดตัวเพียบ แถมในบัญชีมีเงิน 10 - 120 บาท
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี สว.กก.2 บก.ป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการควบคุมและป้องกันการทุจริต ธนาคารธนชาต แถลงผลจับกุม นางสิริรัชต์ เปรมสิริรัชต์ อายุ 43 ปี , นายอภิชิต อาสนาทิพย์ อายุ 47 ปี และ น.ส.ลักษมี พุทธชำนาญกิจ อายุ 66 ปี ในข้อหาร่วมกันพยายามฉ้อโกง ได้ที่บริเวณโครงการบ้านจัดสรรเดอะเพอร์เฟคซิตี้ หมู่ 7 ต.บ้านเชิด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารธนชาต ว่านายอำนาจ พูลขำ เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรเดอะเพอร์เฟคซิตี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ได้ขอให้ทางธนาคารธนชาต ติดตั้งเครื่องรูดบัตรเครดิตและใช้ระบบออฟไลน์ ได้เข้ามาติดต่อนายอำนาจ เพื่อขอซื้อบ้านจัดสรรในโครงการดังกล่าวทั้งหมดซึ่งมีมูลค่ารวม 150 ล้านบาท แต่จะขอซื้อก่อน 10 หลัง เป็นเงิน 35 ล้านบาท โดยอ้างว่าต้องการจะปรับปรุงเพื่อทำโครงการตามแนวพระราชดำริฯ และขอให้นายอำนาจติดตั้งเครื่องรูดบัตรเครดิตและใช้ระบบออฟไลน์ หากมีการติดตั้งเครื่องรูดบัตรดังกล่าวได้แล้วก็จะใช้ระบบออฟไลน์รูดเงินในวงเงิน 30 ล้านบาท ให้กับนายอำนาจทันที แต่จะขอเงินค่าดำเนินการให้เป็นจำนวน 15 ล้านบาท แต่ทางธนาคารเห็นผิดสังเกต จึงประสานชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.ร่วมตรวจสอบ จึงทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาไม่มีเจตนาที่จะซื้อบ้านจัดสรรโครงการนี้จริง แต่ออกอุบายเพียงเพื่อจะหลอกลวงนายอำนาจ เพื่อจะเอาเงิน 15 ล้านบาท เป็นค่านายหน้าเท่านั้น เพราะการใช้ระบบออฟไลน์นั้น กว่าที่ธนาคารจะเคลียร์ริ่งก็ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 วัน ความเสียหายก็เกิดขึ้นแล้ว
พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต กล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ทางชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.ได้วางแผนสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำความผิด โดยเฝ้ารออยู่ที่โครงการบ้านจัดสรรดังกล่าว เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาเดินทางมาติดต่อที่สำนักงานขาย และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการทำสัญญาซื้อขายบ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบสถานะทางการเงินพบว่า นางสิริรัชต์ มีเงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทย เพียง 11 บาท บัญชีธนาคารกรุงไทย 10 บาท บัญชีเงินกู้โฮมโลน 2 บัญชี ซึ่งเป็นหนี้เสีย ส่วนนายอภิชิต มีเงินในบัญชีธนาคารกรุงเทพ 120 บาท ซึ่งทั้งหมดไม่มีความสามารถที่จะซื้อบ้านจัดสรรของผู้เสียหายได้อยู่แล้ว
พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติของนางสิริรัชต์ พบว่ามีหมายจับติดตัวอยู่ถึง 15 หมาย เป็นหมายจับที่ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว 8 หมาย และหมายจับที่ยังไม่ได้ถูกจับกุมอีก 7 หมาย ประกอบด้วย หมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ 9/2557 , 96-101/2557 ข้อหาออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หรือจ่ายเช็คเด้ง ส่วนนายอภิชิต ซึ่งมีการแอบอ้างตัวว่าสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก เป็นด็อกเตอร์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงผู้เสียหาย นั้น ก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกง ไว้ก่อน แต่หากพบพยานหลักฐานที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป และจะเร่งสืบสวนขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ ซึ่งคาดว่ามีอีกอย่างน้อย 2 คน มาดำเนินคดี
"อยากจะฝากไปยังบริษัทห้างร้าน หรือผู้ที่ประกอบธุรกิจต่างๆ หากมีการติดต่อซื้อขายสินค้า หรือการทำธุรกรรมทางการเงินในลักษณะดังกล่าว ขอให้ระมัดระวัง ถ้าไม่มั่นใจขอให้แจ้งประสานมายังเจ้าหน้าที่ หรือทางธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้" พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต กล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการควบคุมและป้องกันการทุจริต ธนาคารธนชาต เปิดเผยถึงกรณีการใช้ระบบออฟไลน์รูดบัตรเครดิตกับเครื่องว่า โดยปกติแล้วการซื้อขายสินค้าและจ่ายค่าบริการด้วยบัตรเครดิตก็จะมีการใช้กับเครื่องรูดบัตรที่ออนไลน์ข้อมูลจากบัตรส่งไปที่เซิร์ฟเวอร์ของธนาคารเจ้าของบัตร ทำให้ทางธนาคารทราบว่าผู้ถือบัตรมีวงเงินเท่าไหร่ แต่บางครั้งในการทำธุรกิจระบบออนไลน์อาจเกิดขัดข้อง ก็จะเปิดช่องที่เรียกว่า ระบบออฟไลน์ คือทันทีที่มีลูกค้ามารูดบัตรเครดิตก็จะมีการโทรศัพท์ไปที่คอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร แจ้งขออนุมัติวงเงิน หากธนาคารอนุมัติก็จะมีการแจ้งกลับมา อย่างไรก็ตาม ระบบออฟไลน์จะเกิดขึ้นในคราวจำเป็นเท่านั้น เพื่อไม่ให้ธุรกิจนั้นสะดุด
เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวด้วยว่า เรื่องการใช้ระบบออฟไลน์ต้องขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่กรณีที่จะเปิดใช้ทั่วไป ซึ่งธนาคารจะดูเป็นรายๆ โดยพิจารณาว่าผู้ที่ขอเครดิตนั้นเป็นใคร มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เพียงใด แต่กรณีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาครั้งนี้ เราก็พบว่าเมื่อเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรมาขอเครดิต แต่ผู้ที่จะซื้อนั้นไม่มีความสามารถในการซื้อบ้านได้จริง ระบบการกลั่นกรองของธนาคารเราก็ทราบว่ามีความผิดปกติแล้ว จึงรีบประสานตำรวจ กก.2 บก.ป.เข้าดำเนินการ และนับว่าโชคดีที่มีการเกาะติดและเอาจริงเอาจังของทางตำรวจ ทำให้สามารถระงับความเสียหายไม่ให้เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวอีกว่า กรณีนี้เป็นความตั้งใจที่จะหลอกลวงกันมากกว่า แต่เมื่อเราทราบว่ามีขบวนการเหล่านี้ ก็เป็นกลไกของแบงก์ที่จะต้องตรวจสอบ และเมื่อพบความผิดปกติ เราก็เร่งรัดดำเนินการจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดได้