MGR Online - ตำรวจกองปราบปรามรวบสิบแปดมงกุฎหลอกขายตั๋วแลกเงินปลอม หลังธนาคารประสานพบพฤติกรรมแก็งตระเวนซื้อตั๋วแลกเงินธนาคารต่างๆ นำไปไขตัวเลขตรวจสอบเบื้องต้นพบเสียหาย 2 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.กษิดิ์เดช เจริญลาภ รอง สว.กก.1 บก.ป.แถลงผลจับกุม นายธนอรรถ แก้วนุ้ย อายุ 59 ปี, นายสง่า ซื่อประโคน อายุ 63 ปี, นายมาโนช เสนาชู อายุ 47 ปี และนายสมชาย สุวรรณหงส์ อายุ 40 ปี พร้อมของกลางตั๋วแลกเงินธนาคารธนชาต ราคา 3,000 ล้านบาท 2 ฉบับ ใบเสร็จรับเงินธนาคารธนชาต, หนังสือรับรองตราสารธนาคารธนชาต, บันทึกการซื้อ-ขาย-ลด ตราสารธนาคาร 1 ชุด, ตรายาง 6 อัน, แท่นประทับตรา 2 อัน, โทรศัพท์มือถือ, สำเนาตั๋วแลกเงินธนาคารทหารไทย และธนาคารกสิกรไทย จำนวน 2,500 ล้านบาท, หนังสือจากธนาคารธนชาตเพื่อรับรองดราฟต์ จำนวน 3,000 ล้านบาท รวม 3 ฉบับ, หนังสือค้ำประกันธนาคารกสิกรไทย, สำเนาตั๋วสัญญาใช้เงินธนาคารกสิกรไทย จำนวน 10,000 ล้านบาท, สมุดเช็ค 2 เล่ม และเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง จับกุมได้ที่อาคารทีซีกรีน ถนนพระราม 9 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.
พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการควบคุมและป้องกันการทุจริต ธนาคารธนชาต ว่าพบกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ตระเวนซื้อตั๋วแลกเงินธนาคารต่างๆ ในราคา 800 บาท หรือในราคาถูก แล้วนำไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวเลขในตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้มีมูลค่าสูงก่อนนำไปหลอกขายให้ผู้เสียหาย โดยพบกรณีตั๋วแลกเงินของธนาคารธนชาต มูลค่า 3,000 ล้านบาท ถูกนำไปหลอกขายให้เหยื่อซึ่งมีการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการออกหนังสือรับรองจากธนาคารไว้ด้วย เมื่อได้รับแจ้งและมีการตรวจสอบข้อมูลร่วมกัน เจ้าหน้าที่จึงวางแผนสืบสวนติดตามกลุ่มบุคคลดังกล่าว กระทั่งพบกลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิดโดยกำลังจะมีการซื้อขายตั๋วแลกเงินกับเหยื่อ ที่อาคารทีซีกรีน ย่านพระราม 9 จึงแสดงตัวเข้าจับกุมไว้ได้
พ.ต.อ.จิรภพกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านายธนอรรถ กับนายสง่า ผู้ต้องหาได้เปิดบริษัท ทรัพย์จตุคาม จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือไม่ได้มีอาชีพอะไร จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายสง่าหนึ่งในผู้ต้องหานั้นมีหมายจับในคดีปลอมแปลงเอกสารติดตัวอยู่ โดยทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยมีการปลอมแปลงตั๋วแลกเงิน รวมทั้งใช้อุปกรณ์ที่ใช้ในการปลอมเอกสารต่างๆ ของธนาคารเพื่อใช้ประกอบการหลอกลวงผู้เสียหายดังกล่าว
ด้านนายโอภาส หสดิน อายุ 54 ปี หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากทางบริษัท ทรัพย์จตุคาม จำกัด เสนอขายรถให้ตนโดยมีการนำตั๋วแลกเงินที่ออกโดยธนาคารธนชาต มูลค่า 3,000 ล้านบาทมาแสดง และเสนอขายตนในราคาเพียง 2,550 ล้านบาท มีการอ้างว่าตราสารดังกล่าวใช้ได้จริง มีหนังสือรับรองจากธนาคารดังกล่าวมาแสดงประกอบ แต่เนื่องจากมีมูลค่าสูงตนจึงตรวจสอบไปยังธนาคารแห่งนี้พบว่าไม่มีการซื้อตั๋วแลกเงินดังกล่าว ต่อมาทางธนาคารตรวจสอบข้อมูลจนแน่ชัดว่ามีการปลอมแปลงเอกสารธนาคารเกิดขึ้นจึงประสานตำรวจ กก.1 บก.ป.สืบสวนติดตาม ก่อนจะมีการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาจะมีการปลอมแปลงตั๋วแลกเงินธนาคารเพื่อไปหลอกลวงกลุ่มนายทุนที่ต้องการรับซื้อตั๋วแลกเงินดังกล่าวด้วยวิธีการเสนอส่วนลดให้ โดยขณะนี้พบว่ามีมูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นแล้วไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยทางเจ้าหน้าที่ธนาคารและทางตำรวจอยู่ระหว่างประสานข้อมูลและขยายผลการจับกุมแล้ว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน รับไว้ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ส่วนผู้เสียหายรายใดที่หลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อผู้ต้องหากลุ่มนี้ สามารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ที่ สน.มักกะสัน