MGR Online - รมว.ยุติธรรม ยืนยันมีคนร้องเรียนพฤติกรรม “ผู้พันตึ๋ง” ทำผิดข้อบังคับการพักโทษ จึงได้ประสานตำรวจเรียกตัวกลับมาสอบสวนใหม่ พบผิดจริงต้องติดคุกต่อจนครบ และปรับเป็นนักโทษชั้นเลว เล็งปรับเกณฑ์พักโทษใหม่ คนสร้างความเจ็บปวดให้สังคมต้องไม่ได้รับสิทธิเท่าคนอื่น อึ้งแต่ละปีผิดเงื่อนไขคุมประพฤตินับหมื่นราย
วันนี้ (26 ส.ค.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ผู้ต้องขังเด็ดขาดคดีสังหารอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ละเมิดข้อบังคับการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ ว่าได้รับรายงานจากนายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่ามีคนมาร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้พันตึ๋งที่ผิดระเบียบข้อบังคับของกรมคุมประพฤติ จึงได้ประสานตำรวจเรียกตัวกลับมาสอบสวนและนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ รวมทั้งมีการพิจารณาเรียบร้อยแล้วว่ามีมูลความผิดจริงซึ่งจะต้องได้รับโทษเท่าเดิมเป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน และปรับเป็นนักโทษชั้นเลว โดยทางกรมคุมประพฤติได้ให้โอกาสแล้วแต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า เมื่อผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวแล้วสังคมจะเป็นผู้คอยจับตามองผู้ที่ได้รับโอกาสว่าจะกลับมากระทำความผิดซ้ำหรือไม่ รวมทั้งสังคมก็ต้องมองว่ากรมคุมประพฤติมีวิธีการและระบบควบคุมผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษอย่างไรเมื่อออกไปแล้วจะไม่สร้างปัญหาวุ่นวายอีก อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังสามารถเรียกร้องขอความเป็นธรรมได้แต่ต้องอธิบายมาด้วยว่ามีเหตุผลเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมเตรียมปรับเปลี่ยนระบบการพักโทษและระบบการคุมประพฤติ ซึ่ง พ.ร.บ.การคุมประพฤติ บางมาตราอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ถูกคุมประพฤติหลบหนีไม่มารายงานหลายหมื่นรายต่อปี โดยจะมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติมากขึ้นแต่ก็น่าห่วงใยว่าเมื่อได้ไปแล้วจะมีการทำงานเกินเลยหรือไม่เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษเป็นผู้มีอิทธิพลมาก่อนมีเงื่อนไขการพิจารณาหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตนไม่ยอมให้ผู้ต้องขังที่เคยสร้างความเจ็บปวดต่อสังคมได้รับสิทธิเท่าเทียมเหมือนกับบุคคลอื่นและต้องพิจารณาความประพฤติมากกว่า โดยหน่วยงานกระทรวงยุติธรรมต้องเข้มงวดกับบุคคลกลุ่มนี้ซึ่งในปี 2559 ได้กลั่นกรองรอบคอบมากขึ้นเพราะฟังเสียงของสังคมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พบว่าไม่ใช่เพียงผู้พันตึ๋งรายเดียวเท่านั้น แต่มีผู้ถูกคุมประพฤติอีกจำนวนมากได้ออกนอกพื้นที่ควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต