MGR Online - ตำรวจกองปราบปรามบุกจับ “เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ” ผู้ต้องขังคดีสังหารอดีตผู้ว่าฯ ยโสธร ได้ที่หน้าหมู่บ้านบดินทรรักษา เขตวังทองหลาง หลังทำผิดเงื่อนไขพักโทษ ออกนอกพื้นที่ควบคุม ซ้ำถูกร้องเรียนว่าข่มขู่เรียกเงินชาวบ้านใน จ.จันทบุรี ยธ.ให้ยกเลิกการพักโทษกลับไปติดคุกต่ออีก 2 ปี 9 เดือน
วันนี้ (25 ส.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงยุติธรรมได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามบุกจับกุมตัวนายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ “ผู้พันตึ๋ง” ผู้ต้องหาเด็ดขาดในคดีฆาตกรรมนายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรเมื่อปี 2544 หลังละเมิดข้อบังคับการพักโทษของกรมราชทัณฑ์เนื่องจากฝ่าฝืนออกนอกพื้นที่ควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่มีการข่มขู่เรียกรับเงินชาวบ้านใน จ.จันทบุรี โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านบดินทรรักษา แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. พร้อมควบคุมตัวมายังเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ฐานละเมิดข้อบังคับเกี่ยวกับการพักโทษตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ
ด้านนายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวว่า คณะกรรมการพักการลงโทษได้ยกเลิกการพักโทษของนายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้จับกุมนายเฉลิมชัยซึ่งได้กระทำความผิดซ้ำในช่วงระหว่างการพักการลงโทษ
นายกอบเกียรติกล่าวอีกว่า สำหรับนายเฉลิมชัยต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจนครบกำหนดเวลาคุมประพฤติในช่วงพักการลงโทษที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี ที่ขณะนี้นายเฉลิมชัยถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เพราะทำความผิดซ้ำในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี โดยเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของทางกรมราชทัณฑ์ว่าจะย้ายนายเฉลิมชัยไปคุมขังเรือนจำอื่นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายเฉลิมชัยต้องกลับไปรับโทษตามระยะเวลาการพักโทษที่เหลืออยู่ประมาณ 2 ปี 9 เดือนตามเดิม เนื่องจากทำผิดเงื่อนไขระหว่างการพักโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ (25 ส.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.ปกรณ์เกียรติ พงษ์ธนนิกร สว.กก.2 บก.ป. พ.ต.ต.นฤทธิ์ ผูกจิตร สว.กก. 2 บก.ป.นำกำลังกว่า 10 นายบุกจู่โจมเข้าจับกุมนายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ได้ที่หน้าหมู่บ้านบดินทรรักษา แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ขณะที่นายเฉลิมชัยกำลังนั่งรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ขพ 7852 เชียงใหม่ ออกจากบ้านพักภายในหมู่บ้าน โดยมี นายบุญกล้า หมื่นเอ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 2 ต.วังน้ำเย็น อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นผู้ขับรถให้
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้แทนกระทรวงยุติธรรมได้ประสานมายัง พล.ต.ต.ชาญ ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกติดตามจับกุมนายเฉลิมชัยเป็นกรณีเร่งด่วน เนื่องจากตรวจสอบพบว่านายเฉลิมชัยละเมิดข้อบังคับในการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ โดยฝ่าฝืนเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาตหลายครั้ง นอกจากนี้ ทางกระทรวงยุติธรรมยังได้รับการร้องเรียนว่านายเฉลิมชัยมีพฤติกรรมข่มขู่เรียกรับเงินจากผู้เสียหายในพื้นที่ จ.จันทบุรี มีมูลเหตุที่สามารถรับฟังได้ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง
โดยนายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้มีคำสั่งให้รองปลัดฯ ดำเนินการประสานงานให้ตำรวจ บก.ป.จับกุมตัวนายเฉลิมชัยกลับมาควบคุมที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ฐานละเมิดข้อบังคับเกี่ยวกับการพักโทษตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ
พ.ต.อ.อรุณ ได้ใช้วิธีการสืบสวนหาตำแหน่งที่อยู่นายเฉลิมชัยด้วยการสะกดรอย จนพบว่าเมื่อคืนวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา นายเฉลิมชัยได้กลับเข้าบ้านพักทาวน์เฮาส์ขนาด 25 ตารางวา ซึ่งพักอยู่กับภรรยาและลูกภายในหมู่บ้านบดินทรรักษา ชุดสืบสวนจึงวางกำลังติดตามโดยล้อมรอบบริเวณบ้านพักไว้ โดยให้ชุดสอบสวนรวบรวมหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลเพื่อเข้าตรวจสอบบ้านพักหลังดังกล่าวในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ โดยทางนายเฉลิมชัยขึ้นรถยนต์ที่มีนายบุญกล้าเป็นคนขับออกจากบ้านพัก ชุดสะกดรอยจึงได้ส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมที่เฝ้ารออยู่หน้าหมู่บ้านขับรถเข้าปิดล้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่รถยนต์ของเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือได้เข้าประกบรถของนายเฉลิมชัย ได้เรียกให้หยุดรถโดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่าทางฝ่ายของนายเฉลิมชัยจะพกพาอาวุธติดตัวมาด้วย อย่างไรก็ดี ทางนายเฉลิมชัยได้ยอมลงจากรถโดยดีและยกมือทั้งสองข้างขึ้นพร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยไม่ขัดขืน และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “พี่ทำผิดอะไรหรือน้อง” ก่อนเจ้าหน้าที่จะตรวจค้นภายในรถและควบคุมตัวนายเฉลิมชัยเดินทางไปส่งยังเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ส่วนนายบุญกล้านั้น เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวมาทำประวัติที่ บก.ป.ก่อนปล่อยตัวไปเนื่องจากไม่มีประวัติการกระทำความผิดและไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
สำหรับผู้พันตึ๋ง ซึ่งเดิมคือ พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ อดีตนายทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการทหารสูงสุด ถูกศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์เมื่อปี 2549 ให้ต้องโทษประหารชีวิต ในคดีฆาตกรรมนายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ ผู้ว่าราชการ จ.ยโสธร เหตุเกิดเมื่อปี 2544 อย่างไรก็ตาม ในปี 2550 ได้รับพระราชอภัยโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต ปี 2553 ได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ลดโทษเหลือจำคุก 50 ปี ต่อมาปี 2554 ได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 3 ให้ลดโทษจำคุกลง 13 ปี เหลือ 37 ปี ล่าสุดในปี 2558 ได้รับพระราชทานอภัยโทษลงเหลือจำคุก 17 ปี 24 วัน
ต่อมาวันที่ 30 ก.ย. 2558 ผู้พันตึ๋งได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเนื่องจากได้รับการพักการลงโทษตามเงื่อนไข คือเป็นผู้ต้องขังชั้นเยี่ยม และได้รับโทษมาแล้วเกิน 2 ใน 3
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัยได้เข้ารายงานตัวต่อ พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ โดยได้กำชับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมประพฤติให้ครบถ้วนและไม่ให้ก่อเหตุร้ายใดๆ อีก