ทหารคุม 15 สมาชิกพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย (นปป.) ให้กองปราบฯ สอบ พร้อมจัดกำลังตำรวจคุมเข้มรักษาความปลอดภัย ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในอาคาร ตร.ยันไม่พบหลักฐานร่วมบึ้มภาคใต้ แค่มีแนวคิดทางการเมืองต่อต้านและล้มล้างการปกครองของรัฐบาล ขณะเดียวกัน แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธเพิ่ม หลังตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาบางรายเจออาวุธสงคราม และเร่งตามตัวสองตำรวจที่ปล่อยตัวไปมาดำเนินคดี พร้อมส่งฝากขังศาลทหารทันที
วันนื้ (19 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวสมาชิก “พรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย” หรือ นปป.15 ราย ประกอบด้วย 1. ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี ชาว จ.พัทลุง 2. นายวีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาว จ.นนทบุรี 3. นายประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาว จ.ตรัง 4. นายปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล 5. นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี ชาว กทม. 6. น.ส.มีนา แสงศรี อายุ 39 ปี ชาว กทม. 7. นายศิริฐาโรจน์ จินดา อายุ 56 ปี ชาว จ.หนองคาย
8. นายชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี ชาว จ.เชียงราย 9. นายณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาว จ.อ่างทอง 10. นายศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม 11. นายเหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี 12. นายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช 13. นายบุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ชาว จ.เชียงราย 14. น.ส.รุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด และ 15. นายวิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลทหาร ที่ 44-60/2559 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2559 ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป และความผิดฐานกระทำการอันเข้าข่ายอั๊งยี่ มามอบให้พนักงานสอบสวน บก.ป.ดำเนินคดี
โดยมี พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มารอรับส่งมอบตัวผู้ต้องหาทั้งหมด โดยทาง พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป.และคณะพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้จัดเตรียมห้องประชุมชิวปรีชา ไว้เพื่อรองรับ และมีการจัดกำลังตำรวจคุมเข้มรักษาความปลอดภัย โดยไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในอาคารและห้องประชุมดังกล่าว
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า เมื่อรับตัวผู้ต้องหาแล้วได้มีการตรวจร่างกายโดยแพทย์จาก รพ.ตำรวจ จากนั้นทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาและทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะส่งตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลทหารทันที
“ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าผู้ต้องหาทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดและเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น 17 จุด ใน 7 จังหวัดภาคใต้ แต่จากการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาบางรายนั้นพบว่ามีการครอบครองอาวุธสงคราม ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในข้อหาครอบครองอาวุธซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ไว้ในครอบครอง และสืบสวนขยายผลทางคดีอีกครั้ง” พล.ต.ต.ชยพลกล่าว
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวต่อว่า ในส่วนของการตรวจร่างกายนั้น ทาง พ.ต.ท.นพ.ธัญลักษณ์ ธุดี นายแพทย์ (สบ 3) กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล รพ.ตำรวจ และทีมแพทย์ รพ.ตำรวจ ได้ตรวจร่างกายผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งเบื้องต้นพบว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีเพียงบางส่วนที่มีโรคประจำตัวคือโรคความดัน แต่ก็มียารักษาโรคที่ต้องรับประทานอยู่
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวอีกว่า สำหรับพรรคการเมืองที่กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันจัดตั้งและเคลื่อนไหวอยู่นั้น จากการสืบสวนทราบว่ามีการจัดตั้งมานับตั้งแต่ปี 2558 ทั้งนี้ ในส่วนของรายรายละเอียดต่างๆ นั้น คงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงของผู้ต้องหากับเหตุวางระเบิดและเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นใน 7 จังหวัดภาคใต้หรือไม่ พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว โดยทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้ชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ กลุ่ม นปป.มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่เคลื่อนไหวโดยมีแนวคิดทางการเมืองที่ต่อต้านและล้มล้างการปกครองของรัฐบาล ใช้แนวความคิดแบบคอมมิวนิสต์ มีการนัดหมายประชุมวางแผนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามสถานที่ต่างๆ ใน จ.นนทบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.อ่างทอง และ จ.พัทลุง
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวอีกว่า ในกรณีอาวุธสงครามที่พบเป็นการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ทหารก่อนหน้านี้ซึ่งมีการพิจารณาแจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม ส่วนการตรวจสอบว่ามีแหล่งที่มาอย่างไร และเคยถูกนำไปใช้ก่อเหตุใดหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ขณะที่ความเชื่อมโยงถึงกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองใดๆ ก็ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนต่อไป ส่วนกรณีการเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาก่อนหน้านี้เป็นอำนาจของทางเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นช่วงที่ได้ควบคุมตัวภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้ แต่ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน สำหรับข้อกล่าวหาในเบื้องต้นยังไม่มีข้อหาตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีนี้ยืนยันว่าหากยังพบว่ามีผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวพันไม่ว่าจะในส่วนใด ทางเจ้าหน้าที่ก็จะขยายผลเพื่อสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้แต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าได้มีการตั้งพรรคและร่วมประชุมวางแนวทางพรรคเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาเสร็จสิ้นแล้ว ได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาแยกไปสอบปากคำ โดยจัดพนักงานสอบสวน 15 ราย แยกสอบผู้ต้องหาทั้งหมดเพื่อความรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งไปฝากขังยังศาลทหารในบ่ายวันนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 17 ราย โดย ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี ชาว จ.หนองคาย และ ร.ต.ต.หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาว จ.หนองคาย นั้นได้ถูกปล่อยตัวไปก่อนหน้านี้ จึงเร่งติดตามมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 รายเดินทางขึ้นรถตู้ไปขออำนาจศาลทหารฝากขังผัดแรก หลังใช้เวลาสอบปากคำถึง 4ชั่วโมง ซึ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำตัวน.ส.มีนา แสงศรี มาขึ้นรถตู้เพื่อนำตัวไปศาลทหาร ปรากฏว่ามารดาและญาติเพื่อนสนิทของน.ส.มีนาที่เดินทางมาให้กำลังใจ ทันทีที่เห็นหน้าลูกก็ต่างร้องไห้ออกมาระงมพร้อมกับตะโกนขึ้นมาว่า " มีนาเป็นผู้บริสุทธิ์" พร้อมทั้งขอให้สื่อมวลชนให้ความเป็นธรรม
ญาติได้เปิดเผยว่า น.ส.มีนาเป็นแม่ค้าขายน้ำพริกอยู่ที่ตลาดศรีเอี่ยมย่านอ่อนนุช-ศรีนครรินทร์ โดยปกติ น.ส.มีนาใช้ชีวิตปกติทำมาหากินและเป็นเสาหลักของครอบครัว เหตุใดถึงมาทำกันแบบนี้ ขอความเมตตาทางเจ้าหน้าที่พร้อมระบุว่าทุกคนก็รักในหลวง รักประเทศไทยไม่แตกต่างกัน
