MGR Online - รวบตัว “ครูใหญ่” โรงเรียนเอกชนย่านอ่อนนุช ยิงน้องสาวตัวเองคาห้องธุรการ โอดน้อยใจพ่อให้เงินเดือนน้อยทั้งที่ทำงานหนักกว่า อ้างไม่ได้ตั้งใจ ขณะนั้นกำลังเมา เครียดเพิ่งเลิกกับแฟน พอตกลงแบ่งผลประโยชน์ไม่ได้ จึงลงมือก่อเหตุ ส่วนอาการของเหยื่อล่าสุดปลอดภัยแล้ว
จากกรณีที่ นายพิสิฐพล ไกรพิพัฒน์ อายุ 48 ปี ตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช ใช้อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ไม่ทราบขนาด ยิงใส่ นางปิยรัชด์ สุรพงศ์ประภา อายุ 45 ปี ตำแหน่งผู้จัดการภายในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งเป็นน้องสาวโดยตรง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 59 ภายในโรงเรียน ถนนอ่อนนุช - ลาดกระบัง แขวง/เขตประเวศ กทม. โดยผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์หลบหนีไป
ความคืบหน้าวันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ปรีชา เพ็งเภา ผกก.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม สว.สส.สน.อุดมสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายพิสิฐพล ไกรพิพัฒน์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ซอยพัฒนเวศม์ 3 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.501/2559 ลงวันที่ 17 ส.ค. 59 ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พร้อมของกลางอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 ไม่ทราบยี่ห้อ ไม่มีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุน ขนาด .38 จำนวน 6 ปลอก เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 25 นัด รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีแดง ทะเบียน 2 กฌ 8704 กทม. โดยจับกุมได้บริเวณทางออกลานจอดรถโฮมโปร อเวนิว กม.12 ถ.บางนา-ตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เวลาประมาณ 10.30 น. ได้มีคนร้าย 1 คน ก่อเหตุอุกอาจใช้อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ไม่ทราบขนาด ยิง นางปิยรัชด์ สุรพงศ์ประภา ที่บริเวณตึกอำนวยการภายในโรงเรียนวังเด็กพัฒนา (PATBAC) แขวง/เขตประเวศ กทม. ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลสิรินธร แล้วได้ขับขี่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น มิราจ สีแดง ทะเบียน 2 กฌ 8704 กทม. หลบหนีไป ซึ่งภายในอาคารที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพพฤติกรรมคนร้ายเอาไว้ได้อย่างชัดเจน
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้สืบสวนหาข่าวในทันที จนทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุคือ นายพิสิฐพล ไกรพิพัฒน์ ซึ่งเป็นพี่ชายของ นางสาวปิยรัชด์ สุรพงศ์ประภา ประกอบกับมีภาพกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุยืนยันตัวผู้กระทำความผิดชัดเจน พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลจังหวัดพระโขนง ออกหมายจับ ต่อมาวันนี้ เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้ปรากฏตัวบริเวณทางออกลานจอดรถโฮมโปร อเวนิว กม.12 ถ.บางนา-ตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
จึงได้ไปตรวจสอบในทันที และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางดังกล่าวข้างต้น โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม ว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นางปิยรัชด์ สุรพงศ์ประภา บริเวณที่เกิดเหตุจริง
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากอาการน้อยใจบิดา และมีเรื่องผลประโยชน์ในโรงเรียนมาเกี่ยวข้องด้วย มีกำไรขาดทุน รายได้ส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม เมื่อพยายามคุยกับทุกฝ่ายแล้วแต่ไม่เป็นผล จึงเกิดความเครียดหันมาดื่มสุรา แล้วจึงก่อเหตุขึ้น ซึ่งนายพิสิฐพลชอบดื่มสุราประกอบกับมีอาวุธปืนติดตัว เจ้าหน้าที่จึงเกรงว่าจะกระทำผิดอีก จึงให้เร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมตัวได้พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และล่าสุด อาการของนางปิยรัชด์ปลอดภัยแล้ว
ด้าน นายพิสิฐพล กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารด้วยกัน แต่ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้อำนวยการ ซึ่งเป็นตำแหน่งลอย เดิมก่อนหน้านี้ตนเป็นครูใหญ่ จนมีการเปลี่ยนแปลงและได้เป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน โดยบิดาของตนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนจะเป็นผู้ดูแลเงินทั้งหมด ส่วนน้องสาวของตนก็ได้เงินในส่วนอื่น ๆ เพิ่มอีก แต่ตนได้เพียงเงินเดือน 40,000 บาทเท่านั้น ตนพยายามพูดคุยกันแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ตนไม่ได้ตั้งใจจะก่อเหตุ แต่ปืนอยู่ในรถ ประกอบกับกลางคืนนั้นได้เลิกกับแฟน และเครียดมาก โดยปกติเวลาติดต่อเข้าโรงเรียนไม่เคยได้พูดคุยโดย โทร.เข้าเบอร์มือถือของน้องเลย ก่อนก่อเหตุได้ขอให้น้องแบ่งเงินส่วนอื่นให้ตนบ้าง ตกลงขอให้แบ่งครึ่งกัน แต่ตกลงกันไม่ได้ น้องบอกกับตนว่าให้ 4 ต่อ 1 ซึ่งน้องสาวเพิ่งมานั่งทำงานได้ 3 ปี และอ้างว่า ตนไม่มีลูกก็เอาไป 1 ส่วน ตนจึงคิดว่าไม่ยุติธรรมเลย หลังจากจบประโยคจึงเดินกลับรถไปเอาปืน เพื่อมายิงน้องสาวที่ยืนอยู่บริเวณบันได
ด้าน นายพิสิฐพล กล่าวอีกว่า ตนเครียดตั้งแต่เปิดโรงเรียนเมื่อปี 46 ซึ่งตนทำงานเพียงคนเดียวมาโดยตลอด เคยพูดคุยกับบิดา แต่ก็ทะเลาะกันตลอด พ่อบอกกับตนว่า “มึงจะมาเรียกร้องความยุติธรรมอะไรในเมื่อพ่อยังไม่ได้เสียชีวิตเลย” และการที่พี่น้องไม่คุยกันเป็นสิบปี จึงทำให้เครียดเพิ่มขึ้น ตำแหน่งของตนเป็นตำแหน่งลอย คือ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการ เคยถามน้องถึงสมุดเงินฝากโรงเรียน น้องปฏิเสธว่าไม่มี เงินศูนย์อาหารที่ได้รับวันละ 3 - 4 พันบาท ตนขอแบ่งน้องก็ไม่ยอมให้ จึงมีการทะเลาะกัน
ผมทำแล้วรู้สึกไม่ดี หากน้องเกิดเสียชีวิต ลูกของน้องก็จะลำบาก ความตั้งใจที่จะมอบตัวมีอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ผมอยากจะขอโทษด้วยความจริงใจ ผมทำร้ายลูกของพ่อก็เหมือนทำร้ายพ่อเหมือนกัน ผมอยากจะขอโทษพ่อและสามีของน้องด้วย
เบื้องต้น นายพิสิฐพล ให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า นายพิสิฐพล ได้น้อยใจบิดาที่ให้เงินเดือนนางปิยรัชด์มากกว่า โดยนางปิยรัชด์ได้เงินเดือนประมาณ 2 แสนบาท ส่วน นายพิสิฐพล ได้เงินเดือนหลักหมื่น ประกอบกับตำแหน่งของนายพิสิฐพล สูงกว่า และ นายพิสิฐพล ชอบดื่มสุรา ไม่ค่อยทำงาน