MGR Online - รองโฆษก ตร.มั่นใจนำคนร้ายคดีระเบิดมาดำเนินคดีได้ เผยคดีคืบหน้าไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดออกหมายจับผู้ต้องหา 1 ราย อุบรายละเอียดเกรงกระทบสำนวน ขณะนี้ยังไม่พบกลุ่มการเมืองเอี่ยว
วันนี้ (17 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 1 รายที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ส่วนจะเชื่อมโยงกับคนร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้น ตนไม่ยืนยันและสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และยังไม่ยืนยันว่าอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวน หากเปิดเผยออกไปเกรงจะกระทบต่อแนวทางการสืบสวนสอบสวน แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจจะสามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ เพราะคดีใหญ่ๆ อย่างเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ก็จับผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้แล้ว ส่วนจะมีกลุ่มการเมืองเข้าไปหนุนหลังเหตุระเบิดครั้งนี้หรือไม่นั้น ในชั้นสอบสวนยังไม่พบ แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นทิ้ง ส่วนกรณีที่มีบางกลุ่มออกมาปฏิเสธก่อนหน้านั้น และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ เพราะการสอบต้องให้ความเป็นธรรม มีหลักฐานพยานแวดล้อม ถ้าไปปักใจไว้เชื่อไว้ก่อนจะกลายเป็นอคติ แต่ถ้าพาดพิงถึงใครต้องมีการเชิญมาให้ให้ข้อมูล
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กลาาวต่อว่า ส่วนการประสานข้อมูลกับทางมาเลเซียในการตรวจซิมการ์ดโทรศัพท์นั้นมีการคุยกันอย่างต่อเนื่อง มีความร่วมมือเป็นอย่างดี เบื้องต้นยังไม่มีการขอข้อมูลอะไรเพิ่มเติมและยังไม่ได้รายงานอะไรมา อย่างไรก็ตาม ในทางการสืบสวนขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างดำเนินการตามหลักวิทยาการ จนถึงขณะนี้ตนยังเชื่อว่าการก่อเหตุดังกล่าวเป็นวินาศกรรมไม่ใช่การก่อการร้าย คดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงเป็นหัวหน้าคณะทำงาน
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 14 ราย เป็นชาวไทย 9 ราย และชาวต่างชาติ 5 ราย โดยทั้งหมดมีอาการไม่น่าเป็นห่วง คาดว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในเร็วนี้ ส่วนความคืบหน้านั้นมีมากขึ้นเนื่องจากได้ร่วมกันบูรณาการกับตำรวจท้องที่, เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD), เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลาง ในการตรวจพิสูจน์ วิเคราะห์พยานหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุเพื่อที่จะนำไปสู่การออกหมายจับและการจับกุมคนร้าย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวยังได้ประสานกับฝ่ายความมั่นคงทั้งประชาคมข่าวตำรวจ และหน่วยงานราชการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งในการสืบสวนสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก พร้อมทั้งได้ตรวจสอบบุคคลในหลายพื้นที่เพื่อหาความเชื่อมโยงของเหตุการณ์
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อถึงมาตรการป้องกันเหตุว่า ผบ.ตร.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ให้มีการเฝ้าระวังเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้คนอยู่จำนวนมาก ทั้งแหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่ด่านชายแดน โดยมีการเพิ่มด่านตรวจจุดสกัดเพื่อคัดกรองบุคคล ยานพาหนะ ตลอดจนบูรณาการร่วมกับฝ่ายสืบสวนสอบสวน ให้ดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเฝ้าติดตามสถานการณ์และรายงานให้ ผบ.ตร.ทราบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทีมงานโฆษก ตร.ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการคลี่คลายคดี ทั้งนี้ขอให้ดำเนินชีวิตด้วยความปกติสุข หากพบวัตถุต้องสงสัยหรือเบาะแสใดๆ สามารถแจ้งตำรวจในท้องที่ หรือโทร. 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง