MGR Online - บช.ปส.รวบแก๊งขนยาบ้าลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางอีสานจุดหมายปลายทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้พร้อมยึดของกลางยาบ้า 9 แสนกว่าเม็ด
วันนี้ (19 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ บช.ปส. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต ทนงศักดิ์ ทั่งทอง ผบก.ปส.1 ร่วมแถลงผลจับกุม นายทินกร กุลยะ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 48 ม.11 ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม และนายกฤษฎา รอดเจริญพันธ์ อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 27 ซ.ท่าข้าม 28/2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ในฐานความผิดข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (เมทแอมแฟตามีน หรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองไว้จำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกลางยาบ้าจำนวน 450 มัด ประมาณ 920,000 เม็ด มูลค่า 22 ล้านกว่าบาท รถยนต์เก๋ง 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณทรายแก้วรีสอร์ท เลขที่ 101 หมู่ 2 ต.หนองไทร อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
พล.ต.ต.ศุภกิจกล่าวว่า สืบเนื่องจาก บก.ได้สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดและติดตามกลุ่มผู้ต้องหาทั้งสองคนพร้อมกับพวกที่หลบหนีซึ่งได้ลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในราชอาณาจักรไทยทางด้านจังหวัดนครพนม เพื่อนำไปส่งยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ติดตามตลอดเส้นทาง จนมาพบผู้ต้องหาหลบหนีมาหลบซ่อนอยู่ที่เกิดเหตุดังกล่าว
พล.ต.ต.ทนัยกล่าวว่า ยาบ้าทั้งหมดมาจากประเทศพม่าลำเลียงผ่านมาทางประเทศลาวแล้วนำมาขึ้นที่อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม หลังจากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองได้ขนลำเลียงผ่านทางอีสาน โดยมีนายกฤษฎา เป็นคนขับรถนำขบวนเพื่อคอยแจ้งให้นายทินกรว่าจุดใดมีด่านตรวจและเลี่ยงเส้นทางนั้น จนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายกฤษฎาได้ที่ด่าน จ.สุราษฎร์ธานี และต่อมาตามจับกุมนายทินกรได้ในรีสอร์ตดังกล่าว
พล.ต.ต.ทนัยกล่าวต่อว่า นายทินกรอดีตเคยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้มาก่อนและมีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจจนทำให้มาขนส่งลำเลียงยาเสพติด ทั้งคู่เคยใช้วิธีดังกล่าวลำเลียงยาบ้ามาแล้ว 3-4 ครั้ง อย่างไรก็ตาม หากยาบ้าทั้งหมดเข้าสู่ภาคใต้แล้วจะถูกนำมาใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้