โฆษก ทบ.เผย ผบ.ทบ.สื่อสาร ผบ.ในจังหวัดชายแดนใต้ ย้ำดูแลท้ายรอมฎอน เตรียมเร่งลงพื้นที่สั่งการ เหตุเป็นช่วงสับเปลี่ยนกำลัง ยันไทยไม่ใช่เป้าไอเอส แย้ม กอ.รมน.เตรียมเชิญพวกใส่เสื้อแยกดินแดน เตือนอย่าเชื่อข่าวเท็จ แจงใช้ความร่วมมือควบคู่ใช้ กม.ดูแลประชามติ พร้อมทำความเข้าใจ ยังไม่รับรายงานป่วน
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงท้ายเดือนรอมฎอนว่า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้ติดต่อสื่อสาร ผบ.หน่วยในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำดูแลสถานการณ์เป็นห้วงๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ ทั้งนี้ ทางกองอำนวยการภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4) มีความพร้อมดูแลสถานการณ์อยู่ ส่วนกรณีที่ ผบ.ทบ.การลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น อยู่ในระหว่างการบริหารจัดการ แต่คงลงไปพื้นที่เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นห้วงที่มีการสับเปลี่ยนกำลัง ซึ่งอาจจะมีนโยบาย สิ่งเพิ่มเติมหรือข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งการพบปะ ผบ.หน่วยในพื้นที่ด้วย และยืนยันว่าไทยยังไม่ใช่เป้าหมายการก่อร้าย ภายหลังกลุ่มไอเอสประกาศโจมตีประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ส่วนการแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการบริหารจัดการเป็นระบบแล้ว สำหรับที่มีภาพของกลุ่มบุคคลสวมเสื้อสีขาวเรียกร้องการแบ่งแยกดินแดนนั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คงจะดำเนินการพิจารณา หากเห็นว่าไม่เหมาะสมหรือเป็นทำให้เกิดความแตกแยก เจ้าหน้าที่ก็คงดำเนินการหรือเชิญตัวมา
ขณะที่ พ.อ.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ภาพกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งใส่เสื้อยืดที่เกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้น ขอเรียนให้ทราบว่าตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติไว้ว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ภาพข่าวที่เกิดขึ้นใน social network ในขณะนี้นั้นเป็นการกระทำทีไม่ส่งผลดีต่อสังคมไทยโดยรวม อาจจะทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยมีความเข้าใจผิดได้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนรับรู้ข่าวสารด้วยความระมัดระวัง อย่าได้หลงเชื่อผู้ไม่หวังดีที่สร้างข่าวเท็จ ซึ่ง กอ.รมน.จะตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทราบในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้ พ.อ.วินธัยยังกล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีห่วงใยว่าจะมีกลุ่มออกมาป่วนช่วงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้การดำเนินการยังขอร่วมมือและสร้างความเข้าใจควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเหมาะสม ส่วนการลงประชามติมีการขับเคลื่อนหน่วยงานของศูนย์รักษาความสงบเรัยบร้อย ที่จะบริหารจัดการให้การทำประชามติบรรลุผลเรียบร้อย อย่างไรก็ตามหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ยังเน้นขอความร่วมมือและบังคับใช้กฎหมายให้อยู่ในกรอบ
“เจ้าหน้าที่ยังคงชี้แจงและสร้างความเข้าใจ เพื่อไม่ให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเงื่อนไขเรียกร้องหรือกลายเป็นประเด็นทั้งในและนอกประเทศ ขณะนี้ยังไม่รับรายงานว่าจะมีการก่อความรุนแรงในช่วงการทำประชามติ แต่ล่าสุดเป็นการแสดงออก การเคลื่อนไหวที่ไม่อยู่ในกรอบกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามสถานการณ์แต่ละพื้นที่” พ.อ.วินธัยกล่าว