MGR Online - รองโฆษก ตร.ระบุคำสั่ง หน.คสช.ทำให้การแก้ปัญหานักเรียนตีกันดีขึ้น แทบจะไม่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา ขณะที่ ผบ.ตร.ตั้ง “พล.ต.อ.ปัญญา” เป็นประธานตรวจสอบเร่งรัดคดีที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกไม่ปลอดภัย ปชช.ตามคำสั่งนายกฯ ส่วนโจ๋ยิง นร.ช่างสาวดับย่านบางชัน ดอดเข้ามอบตัววันนี้
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณียังคงมีเหตุการณ์นักเรียนก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันจนถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ แม้จะมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 30/2559 เรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษาว่า มาตรการของ คสช.ที่ออกมาเพื่อใช้ป้องกันและปราบปรามปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากกลุ่มวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการปัญหาเด็กแว้นแข่งรถบนถนนสาธารณะ หรือปัญหาเด็กนักเรียนยกพวกตีกันนั้น เป็นการเพิ่มเครื่องมือให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ดีขึ้น จากสถิติที่ผ่านมาหากพิจารณาเฉพาะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในอดีตจะได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนหรือแทบจะไม่ได้รับการร้องเรียนเข้ามาเลย
“คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 30/2559 เป็นส่วนช่วยเสริมเจ้าหน้าที่ให้ทำงานได้อย่างดีขึ้น และได้ผลในการป้องปรามการทะเลาะวิวาท แต่หากจะให้ได้ผลในทันทีอาจเป็นไปไม่ได้ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายและนำไปสู่การปฏิบัติทั้งใน 3 ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ส่วนที่สำคัญที่สุดคือตัวนักเรียนที่ก่อเหตุ และอีกส่วนที่มีบทบาทสำคัญ คือ ผู้ยุยงส่งเสริมให้เกิดการทะเลาะวิวาท เช่น รุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว หรือกลุ่มเพื่อน ซึ่งจะมีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท และหากพบว่านักเรียนที่ถูกยุยงไปกระทำความผิดจริงตามที่ถูกยุยงจะได้รับโทษรุนแรงขึ้นเป็นจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และหากมีผู้เสียชีวิตจะได้รับโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท” รองโฆษก ตร.ระบุ
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า ล่าสุด พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.ได้เรียกประชุมผู้บังคับการทั้งหมดในสังกัด บช.น.ให้ทำงานในเชิงรุกประสานกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลทำประวัติศิษย์เก่าที่เคยก่อเหตุ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้ชักนำให้รุ่นน้องก่อเหตุตีกันในอนาคต รวมไปถึงการประสานขอความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความใกล้ชิดและปรับความเข้าใจกันระหว่างนักเรียนต่างสถาบัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเป็นส่วนช่วยในการดำเนินการ
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่ง ตร.ที่ 435/2559 ให้ตั้งคณะกรรมการเร่งรัดตรวจสอบเร่งรัดและติดตามคดีที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกไม่ปลอดภัยของประชาชน และส่งผลให้บุคคลที่ 3 ได้รับอันตราย ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี โดยมี พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ10) เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมีจเรตำรวจแห่งชาติเป็นคณะกรรมการ เพื่อทำหน้าที่ควบคุมและดูแลให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม โดยยืนยันว่าจะไม่เป็นการแทรกแซงการทำงานของตำรวจในพื้นที่ เพียงแค่เข้าไปกดดัน กำกับดูแลให้คดีเกิดความรวดเร็วเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชนได้มากที่สุด โดยเรื่องแรกที่คณะทำงานชุดนี้จะเข้าไปติดตาม คือ การป้องกันและปราบปรามเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษาที่ทำให้มีผู้ได้รับลูกหลงจนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย เช่น กรณีเหตุทะเลาะวิวาทของเด็กนักเรียนจนเป็นเหตุให้มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดหน้าร้านอาหารเทอเรส ย่านรามอินทรา เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าในวันนี้จะมีการประสานขอเข้ามอบตัวของกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว