โฆษกรัฐบาลเผย ทุกหน่วยงานพร้อมสนับสนุนมาตรการแก้ไขปัญหานักเรียนตีกัน เดินหน้าบังคับใช้กฎหมายหยุดพฤติกรรมรุนแรง ควบคู่มาตรการทางสังคมให้สำเร็จปีนี้ วอนประชาชนและเอกชนร่วมมือ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษา ที่ หัวหน้าคสช.ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นมาตรการทางกฎหมาย เพื่อช่วยลดความสูญเสียทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ของนักเรียนนักศึกษา และลดความเดือดร้อนของประชาชนและสังคมที่อาจได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว
โดยหน่วยราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน และการบังคับใช้กฎหมาย เช่น ศธ. พม. ยธ. สตช. อสส. ฯลฯ พร้อมสนับสนุนให้การแก้ไขปัญหานักเรียนตีกันสัมฤทธิผลตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและ หน.คสช.
“มาตรการที่ออกมาจะทำให้นักเรียนนักศึกษาตระหนักรู้มากขึ้นว่า หากตนเองกระทำผิด อาจถูกกักตัวไว้ และพ่อแม่ผู้ปกครองจะเดือดร้อน เพราะต้องร่วมรับผิดชอบในการกระทำที่เกิดขึ้น โดยอาจถูกเรียกเงินประกัน หรือริบเงินประกันนั้นไว้ ส่วนผู้ที่ยุยงส่งเสริม หรือช่วยเหลือก็จะได้รับโทษหนักเบาตามฐานความผิดด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้สังคมโดยเฉพาะตัวนักเรียน นักศึกษา เข้าใจว่า กฎหมายบ้านเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น จึงควรหยุดคิดพิจารณาก่อนจะก่อเหตุในทุกกรณี เพราะทั้งตัวเองและผู้ปกครอง จะได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลยอมไม่ได้ที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาใช้อาวุธทำร้ายร่างกายหรือชีวิตของผู้อื่นตามอำเภอใจ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำว่า มาตรการที่กำหนดขึ้น เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายทาง คือการหยุดยั้งพฤติกรรมความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา ให้รู้จักเข็ดหลาบ ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กับต้นทางของปัญหาด้วย เช่น การสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว บิดามารดาต้องเป็นตัวอย่างที่ดี สถานศึกษาต้องปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้อง ส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ และดูแลเอาใจใส่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด รวมทั้งภาคีเครือข่ายและคนในชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
"ท่านนายกฯ กำชับ ให้ ศธ. ดำเนินมาตรการทั้ง 16 ข้อ ที่สอศ.และสช.ได้ประชุมร่วมกันไปก่อนหน้านี้อย่างจริงจัง และต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งรัดจัดทำคู่มือและแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่ง หัวหน้าคสช. และสั่งการให้ทุกหน่วยงานข้างต้นบูรณาการแก้ไขปัญหา โดยถือเป็นวาระสำคัญของการปฏิรูปและจัดระเบียบสังคมที่ต้องทำให้สำเร็จภายในปีนี้
นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนและภาคเอกชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ หรือส่งเรื่องมาที่นายกรัฐมนตรีโดยตรง รวมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่เด็กและเยาวชน เพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ เพื่อขจัดปัญหาให้สำเร็จลุล่วงตามแนวทางประชารัฐ”.
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษา ที่ หัวหน้าคสช.ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นมาตรการทางกฎหมาย เพื่อช่วยลดความสูญเสียทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ของนักเรียนนักศึกษา และลดความเดือดร้อนของประชาชนและสังคมที่อาจได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว
โดยหน่วยราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน และการบังคับใช้กฎหมาย เช่น ศธ. พม. ยธ. สตช. อสส. ฯลฯ พร้อมสนับสนุนให้การแก้ไขปัญหานักเรียนตีกันสัมฤทธิผลตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและ หน.คสช.
“มาตรการที่ออกมาจะทำให้นักเรียนนักศึกษาตระหนักรู้มากขึ้นว่า หากตนเองกระทำผิด อาจถูกกักตัวไว้ และพ่อแม่ผู้ปกครองจะเดือดร้อน เพราะต้องร่วมรับผิดชอบในการกระทำที่เกิดขึ้น โดยอาจถูกเรียกเงินประกัน หรือริบเงินประกันนั้นไว้ ส่วนผู้ที่ยุยงส่งเสริม หรือช่วยเหลือก็จะได้รับโทษหนักเบาตามฐานความผิดด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้สังคมโดยเฉพาะตัวนักเรียน นักศึกษา เข้าใจว่า กฎหมายบ้านเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น จึงควรหยุดคิดพิจารณาก่อนจะก่อเหตุในทุกกรณี เพราะทั้งตัวเองและผู้ปกครอง จะได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลยอมไม่ได้ที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาใช้อาวุธทำร้ายร่างกายหรือชีวิตของผู้อื่นตามอำเภอใจ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำว่า มาตรการที่กำหนดขึ้น เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายทาง คือการหยุดยั้งพฤติกรรมความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา ให้รู้จักเข็ดหลาบ ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กับต้นทางของปัญหาด้วย เช่น การสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว บิดามารดาต้องเป็นตัวอย่างที่ดี สถานศึกษาต้องปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้อง ส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ และดูแลเอาใจใส่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด รวมทั้งภาคีเครือข่ายและคนในชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
"ท่านนายกฯ กำชับ ให้ ศธ. ดำเนินมาตรการทั้ง 16 ข้อ ที่สอศ.และสช.ได้ประชุมร่วมกันไปก่อนหน้านี้อย่างจริงจัง และต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งรัดจัดทำคู่มือและแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่ง หัวหน้าคสช. และสั่งการให้ทุกหน่วยงานข้างต้นบูรณาการแก้ไขปัญหา โดยถือเป็นวาระสำคัญของการปฏิรูปและจัดระเบียบสังคมที่ต้องทำให้สำเร็จภายในปีนี้
นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนและภาคเอกชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ หรือส่งเรื่องมาที่นายกรัฐมนตรีโดยตรง รวมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่เด็กและเยาวชน เพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ เพื่อขจัดปัญหาให้สำเร็จลุล่วงตามแนวทางประชารัฐ”.