MGR Online - รมว.ยุติธรรมเผยยังไม่ทราบเรื่องหมายค้นวัดธรรมกายรอบสอง ชี้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนดีเอสไอช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ ทยอยฟ้องเพิ่มอีก 3 คดี จากทั้งหมด 13 คดี ที่มีบุคคลอื่นเชื่อมโยง รับเป็นเรื่องดีหากเจ้าคณะใหญ่หนกลางช่วยประสาน “ธัมมชโย” ทางสงฆ์
วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการจับกุมพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากศิษยานุศิษย์ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ว่าการขอหมายค้นครั้งที่ 2 ตนไม่ทราบจริงๆ เป็นเรื่องของคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอและตนไม่ได้เข้าไปดูแล รวมทั้ง ไม่ได้เอากรอบระยะเวลามาเป็นเครื่องวัด แต่ต้องเอาความพร้อมของข้อมูลดีเอสไอเป็นหลัก
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า ในวันนี้ 3 คดีที่มีความเชื่อมโยงกันจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ โดยคดีแรกเข้าไปแล้ว ทั้งหมดมี 13 คดีหลัก และมี 4 คดีเชื่อมโยงกัน แต่ว่าอีก 9-10 คดีมันเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นก็ต้องทำควบคู่กันไปทั้งหมด เดี๋ยวจะหามาว่าเลือกปฏิบัติทำเฉพาะคดีนี้จะกลายเป็นปัญหา อันนี้เป็นเหตุอย่างหนึ่งว่าจะมีการขอหมายค้นหรือไม่ รวมทั้งต้องดูว่าทางอัยการที่ตรวจสอบสำนวนที่พนักงานสอบสวนส่งไปซึ่งบอกว่าใช้ระยะเวลา 1 เดือนเป็นเรื่องที่อาจทำให้มีการร้องมายังพนักงานสอบสวนในการขอตัวผู้ต้องหาหรือไม่เนื่องจากมีอีก 2 คนที่ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหา
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า ส่วนการที่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลางจะมาเป็นคนประสานกับทางพระธัมมชโยนั้น ตนไม่ทราบเรื่อง แต่ว่าที่ตนพูดในช่วง 2-3 เดือนแรกแล้วว่าต้องการให้ทางผู้บังคับบัญชาในทางสงฆ์เข้ามาเกี่ยวข้องดูแลซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เราทำงานกันมาอยู่แล้ว ก็ต้องนมัสการไปถึงท่านด้วย ถ้าทำได้ก็ดีเราต้องใช้หลายแนวทางที่จะทำให้ยุติเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
“สำหรับทางวัดพระธรรมกายพาสื่อมวลชนตรวจภายในวัดหลังมีกระแสข่าวว่าซุกซ่อนอาวุธนั้น ผมไม่ขอตอบโจทย์ตรงนี้ แต่คิดว่าวัดก็มีสิทธิแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ข้อเท็จจริงผมว่าสังคมรับทราบตามข้อเท็จจริง แต่เรื่องนี้ทางวัดต้องการแสดงออกและต้องเข้าใจแต่อย่าไปมองว่าดีหรือไม่ดี ทุกคนเวลามีปัญหาอะไรก็ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจให้สังคมรับทราบ หากมองแง่นี้ก็จะเข้าใจในวิธีการอันหนึ่ง แต่ท้ายสุดก็จะไปจบตรงข้อเท็จจริงว่าใช่หรือไม่ใช่ เพราะข้อเท็จจริงไม่สามารถปิดบังสังคมได้” รมว.ยุติธรรมกล่าว
ขณะที่ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ กล่าวถึงการตรวจสอบศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิร์ลพีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา และเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ว่าจากการตรวจสอบพื้นที่เกาะยาวน้อย จ.พังงา เบื้องต้นพบว่าเป็นการบุกรุกที่ดินของชาวบ้าน แล้วมีการร้องเรียนเข้ามาที่ดีเอสไอ แต่ยังไม่รู้ว่ามีพื้นที่จริงๆ เท่าไหร่ แต่จากข้อมูลตามข่าวระบุว่ามีที่ดินประมาณ 1,200 ไร่ และพบว่ามีนอมินีเป็นผู้ครอบครองสองราย ทั้งนี้ยังไม่ทราบข้อมูลและรายละเอียดทั้งหมด เจ้าหน้าที่ต้องลงไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวก่อน พร้อมตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศว่ามีการลุกล้ำพื้นที่มากขนาดไหน
“สำหรับการตรวจสอบศูนย์ปฏิบัติธรรมเขาใหญ่ ยังไม่ทราบว่าพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าวว่าจริงๆ มีกี่ไร่ แต่จากข้อมูลตามข่าวมีพื้นที่ทั้งหมด 6,000 ไร่ เท่าที่ทราบข้อมูลพบว่าพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่มีชาวบ้านอยู่ พร้อมมีการล้อมรั้วปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปได้ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นจากภาพถ่ายดาวเทียมพบมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ ส่วนการบุกรุกพื้นที่กรมป่าไม้ และสำนักงานเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) หรือไม่นั้น และบุกรุกปีใด ต้องเข้าไปตรวจสอบก่อน ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของนิคมสร้างตนเองลำตะคลอง หลังจากนี้ดีเอสไอจะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จ หากพบมีการบุกรุกจริงถือว่าผิดกฎหมาย ดีเอสไอจะเข้าไปดำเนินการ” พ.ต.ท.ประวุธกล่าว
