MGR Online - ตำรวจทางหลวง แถลงรวบหนุ่มศรีสะเกษ ใช้ถุงขี้วัววางทับหวังตบตา จนท. ขนกัญชาอัดแท่งมาเต็มกระบะหนัก 600 กก. มูลค่ากว่า 18 ล้านบาท เตรียมขนเข้าหาดใหญ่ รับได้ค่าจ้าง 2 แสนบาท อ้างหาเงินใช้หนี้ซ่อมรถ
วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อรรถวุฒิ อ่อนทรัพย์ รอง ผบก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.(ชุมพร) แถลงข่าวจับกุม นายเจษฎา ยอดทอง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 6 ต.กุดเมืองฮาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่งน้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 18 ล้านบาท และ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยสามารถจับกุมได้ที่ถนนเอเชีย 41 ขาล่องใต้ บริเวณ กม.23 ต.วิสัยเหนือ อ.สวี จ.ชุมพร
พล.ต.ต.สมชาย กล่าวว่า สืบเนื่องจากปกติขบวนการขนส่งกัญชาจะขนส่งกัญชาโดยใช้เส้นทาง จ.นครพนม จ.หนองคาย จ.อำนาจเจริญ จ.เลย และ จ.ขอนแก่น หรือใช้เส้นทางที่ติดริมน้ำโขง เพื่อเข้ามาส่งกัญชาในพื้นที่ชั้นใน หรือ กทม. และปริมณฑล แต่เมื่อช่วงปี 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้เข้าจับกุมผู้ที่ลักลอบขนกัญชาได้ล็อตใหญ่ ทำให้หลังจากนั้นกัญชาได้หายไปจากเส้นทางดังกล่าว จนกระทั่งสืบทราบว่า ในวันนี้ (22 มิ.ย.) เวลา 06.00 น. จะมีขบวนการลักลอบขนกัญชา ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บรรทุกกัญชาอัดแท่ง ซึ่งจะนำถุงขี้วัวปิดทับมาด้านบน โดยจะขับรถมาตามถนนเอเชีย 41 ขาล่องใต้ บริเวณ กม.23 ต.วิสัยเหนือ อ.สวี จ.ชุมพร จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจจนพบรถลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้งมา จึงขับติดตามและส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวจอด และเข้าแสดงตัว เข้าตรวจสอบโดยใช้เหล็กแหลมแทงเข้าไปที่กระสอบด้านล่าง พบว่า แทงไม่เข้า ด้านในมีลักษณะแข็งผิดปกติ จึงนำเหล็กออกมาดมมีกลิ่นคล้ายกัญชา ก่อนเข้าตรวจค้นโดยละเอียดพบถุงพลาสติกสีดำ รูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ วางเรียงซ้อนกัน 14 ถุง แต่ละถุงบรรจุกัญชาอัดแท่ง 40 แท่ง รวมกัญชาอัดแท่งน้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม
นายเจษฎา สารภาพว่า ตนนั้นมีอาชีพขนส่งพริกจาก จ.ศรีสะเกษ มาส่งใน กทม. ต่อมาได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายเป๋อ (ไม่ทราบนามสกุล) เพื่อนที่มีอาชีพขนพริกด้วยกัน ให้บรรทุกกัญชาดังกล่าวจากริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม โดยมีกลุ่มคนชาวลาวนำถุงพลาสติกสีดำดังกล่าวมาขนใส่รถ ซึ่งมีปลายทางที่ กทม. ทั้งนี้ นายเป๋อ จะเป็นผู้ขับรถนำเพื่อตรวจสอบเส้นทาง ว่า มีด่านตรวจบริเวณจุดใดบ้าง แต่เมื่อมาถึง กทม. กลับพบว่า ไม่มีใครมารับกัญชาต่อ นายเป๋อ จึงจ้างตนให้ไปส่งกัญชาต่อที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า เคยทำเป็นครั้งแรก ได้ค่าจ้าง 2 แสนบาท หากได้เงินค่าจ้างตนจะนำไปซ่อมรถและใช้หนี้ แต่กลับมาถูกจับกุมเสียก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดประเภท 5 (กัญชา) ไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะนำตัวส่งให้กับพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดี และขยายผลติดตามผู้ที่จะมารับกัญชาล็อตดังกล่าวต่อไป