ผสานกำลังหลายภาคส่วนบุกตรวจสถานบันเทิง “Ben Pub” ย่านบางบอน กทม. พบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการเพียบ เจอฉี่ม่วง 15 ราย ยาอี-ยาเคตกกระจายเกลื่อนพื้น ฟันเจ้าของข้อหาเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้บริการเกินเวลา ขายสุราให้เยาวชน เผยเคยโดนตรวจพบทำผิดมาแล้วแต่ยังไม่โดนสั่งปิด ด้านตำรวจท้องที่ที่ปล่อยปละละเลยมีหนาวด้วย ชง “ไพบูลย์” เสนอนายกฯ จัดการ
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พร้อมด้วยนายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวนและนิติการกรมการปกครอง และ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับและตรวจสอบกรมการปกครอง ผสานกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี เจ้าหน้าที่สรรพสามิต เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เจ้าหน้าที่ สน.อส. และสำนักงานเขตบางบอน กว่า 100 นาย เข้าตรวจสอบสถานบันเทิง Ben Pub ตั้งอยู่เลขที่ 817 ถนนเอกชัยซอย 89 แขวงและเขตบางบอน กทม. ท้องที่ สน.บางขุนเทียน หลังได้รับการร้องเรียนว่าเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และปล่อยให้เยาวชนเข้าไปมั่วสุมจำนวนมาก
จากการตรวจสอบสถานบันเทิงดังกล่าวเป็นอาคารชั้นเดียว ล้อมรอบด้วยลานจอดรถ เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1 ไร่ ติดกับถนนเอกชัย ภายในยังเปิดเพลงเสียงดังสนั่น มีนักท่องราตรีทั้งชายหญิงกว่า 100 ชีวิตกำลังกินดื่มเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน เบื้องต้นชุดปฏิบัติการจึงปิดทางเข้าออกเอาไว้ ก่อนสั่งการให้ดีเจปิดเพลง และทำการคัดแยกพนักงาน รวมถึงลูกค้าออกเป็นกลุ่มเพื่อทำการคัดกรอง และตรวจปัสสาวะ ผลปรากฏว่า มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการจำนวน 29 ราย เป็นชาย 14 ราย หญิง 15 ราย ส่วนผลตรวจปัสสาวะพบมีสีม่วงจำนวน 15 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 12 ราย ในจำนวนนี้มีหญิงสาวอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมอยู่ด้วยจำนวน 5 ราย นอกจากนั้นยังพบยาเสพติดประกอบด้วย ยาอี 2 เม็ดครึ่ง ยาเคแบบผง 8 ซอง ยาเคแบบน้ำ 5 ขวด และยาทามาดอน 6 เม็ดซุกอยู่ตามใต้โต๊ะ ในห้องน้ำ และกระจายเกลื่อนตามพื้น จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นในวันนี้เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 หลังได้รับการร้องเรียนว่าสถานบันเทิงแห่งนี้มีการปล่อยปละละเลยให้มีเยาวชนเข้ามาใช้บริการ รวมถึงเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงต้องผสานกำลังจากหลายภาคส่วนเข้ามาตรวจค้นผลการปฏิบัติ พบว่า สถานบันเทิงแห่งนี้เปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ปล่อยให้มีเยาวชนเข้ามาใช้บริการและเปิดเกินเวลาตามที่ได้รับร้องเรียนจริง และยังขายสุราให้แก่เยาวชน โดยปล่อยปละให้มียาเสพติดด้วย เบื้องต้นจะดำเนินการแจ้งข้อหาทุกฐานความผิดแก่ผู้ดูแล ดำเนินคดีต่อผู้ที่มีผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง และจะประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้ดำเนินการรับเยาวชนที่พบทั้งหมดไปดูแลก่อนติดต่อผู้ปกครองเข้ามาว่ากล่าวตักเตือน สำหรับเรื่องตำรวจท้องที่ที่ปล่อยปละละเลยจะรายงานให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาดำเนินการต่อไป
ด้าน นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า ฝากเตือนไปถึงผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ปล่อยปละละเลยด้วยว่า หากมีการเข้าตรวจสอบแล้วพบความผิดในทำนองนี้ท่านจะถูกดำเนินคดีและสั่งปิดสถานบันเทิงตามคำสั่ง ไม่ต่ำกว่า 5 ปีโทษฐานที่ท่านปล่อยปละละเลย สำหรับที่แห่งนี้ชุดสืบสวนของเราได้แฝงตัวเข้ามาหาข่าวไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง พบมีการเปิดให้บริการถึงตีสามตีสี่แทบทุกวัน เป็นศูนย์รวมของเด็กแว้น สาวสก๊อย และยังเป็นแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่บางบอนและละแวกใกล้เคียง ดังนั้นการเข้าตรวจสอบและจับกุมในครั้งนี้จึงถือเป็นการตัดวงจรของยาเสพติดที่เกิดจากแหล่งมั่วสุมในพื้นที่ละแวกนี้ได้ดีอีกทางหนึ่ง
ขณะที่ นายรณรงค์ เปิดเผยว่า สถานบันเทิงแห่งนี้น่าจะเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือน เม.ย.58 เนื่องจากพบใบขออนุญาตจำหน่ายสุราและยาสูบที่ดำเนินการขออนุญาตโดย นายรัฐวิชย์ อนันตอมรวิชญ์ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเกี่ยวพันอะไรกับสถานบันเทิงแห่งนี้ นอกจากนี้เคยถูกเจ้าหน้าที่ทหารนำกำลังเข้าตรวจสอบปัสสาวะลูกค้ามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน พ.ย.58 ผลปรากฏพบมีลูกค้าฉี่สีม่วงจำนวนหนึ่งแต่ยังไม่ถูกสั่งให้ปิดกิจการ จากการเข้าปฏิบัติการในวันนี้มี นายบรรจบ เพิ่มพูล อายุ 34 ปี ชาว จ.ขอนแก่น รับเป็นผู้ดูแลกิจการ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาหนัก 4 ข้อหาคือ 1.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.จำหน่ายสุราในเวลาห้ามจำหน่าย 3.จำหน่ายสุราให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี และ 4.ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม
นายรณรงค์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนที่ผ่านมาหลังได้รับการร้องเรียน ตนพร้อมกำลังได้แฝงตัวเข้ามาหาข่าวในสถานบันเทิงแห่งนี้พบว่ามีการเปิดให้บริการเกินเวลาบ่อยครั้ง เคยพบหญิงตั้งครรภ์ท้องแก่ อายุไม่น่าถึง 20 ปีเข้ามาใช้บริการ และพบพฤติกรรมของวัยรุ่นชายหญิงที่มักเข้าไปจับกลุ่มรวมตัวกันในห้องน้ำนานแบบผิดสังเกต เชื่อว่าคงจะเข้าไปเสพยาเสพติดกัน เมื่อมั่นใจในข้อมูลก็ตัดสินใจผสานกำลังเข้าตรวจสอบในวันนี้ สิ่งที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งคือ ผู้ที่มีผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงจำนวน 15 รายนั้น มีเพศหญิงถึง 12 ราย มากกว่าเพศชายที่มีแค่ 3 ราย ผู้เสพส่วนใหญ่ยอมรับว่าเสพยาอีจำนวน 11 ราย เสพยาไอซ์ 3 ราย และเสพยาเค 1 ราย ซึ่งจะนำผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เจ้าของท้องที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป