MGR Online - รมว.ยธ.ยันดีเอสไอทำตามขั้นตอนกฎหมาย ขู่ฟ้องลูกศิษย์วัดพระธรรมกายวิจารณ์การทำงานเจ้าหน้าที่ วอนขอให้เข้าใจไม่มีการกลั่นแกล้ง-รังแกพระ รับส่งหนังสือมหาเถรสมาคมประสาน “สมเด็จช่วง” เข้าเจรจาแล้ว ส่วนปมเรียกเงิน 2,000 ล้านบาทล้มคดี “ธัมมชโย” เตรียมดำเนินคดีกลับมือปล่อยข่าวลือ
วันนี้ (30 พ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าหลังศาลอนุมัติออกหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แต่ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมนำมวลชนมาให้กำลังใจบริเวณโดยรอบวัดว่า ดีเอสไอ ต้องทำความเข้าใจต่อบรรดาศิษยานุศิษย์ของพระธัมมชโย เนื่องจากเรื่องราวเป็นมาอย่างไรจึงเกิดเหตุเช่นนี้ และไม่ได้เจาะจงเฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง แต่สืบเนื่องจากคดีสหกรณ์ฯ คลองจั่น รวมทั้งตนในฐานะผู้บังคับบัญชาหน่วยงานดีเอสไอเริ่มเห็นมีหน่วยงานอื่นออกมา ไม่ใช่แค่เหล่าบรรดาลูกศิษย์แต่กลายเป็นเรื่องของกลุ่มคน ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมามีการขยายออกไปหลายกลุ่มและไม่ทำความเข้าใจเป็นเรื่องบังคับใช้กฎหมาย ตนไม่อยากให้ไปเบี่ยงเบนและมีการพูดเสมอว่ากฎหมายประเทศไทยใช้ไม่ได้ สองมาตรฐาน ไม่ให้ความเป็นธรรม เวลาคนพูดไปพูดไม่หมดจะกลายเป็นประเด็น
พล.อ.ไพบูลย์เผยอีกว่า กลุ่มคนที่ออกมาพูดจนทำให้เกิดความเสียหายนั้น กระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอ ไม่ได้เสียหาย จึงขอความกรุณากลุ่มบุคคลที่ออกมาหรือกลุ่มลูกศิษย์ก็ตามให้มาทำความเข้าใจ ตนพูดเสมอว่าถ้าสงสัยอะไรให้มาคุยกัน รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับดุลพินิจที่ออกมาให้ข่าวตามสื่อจะทำให้เกิดการบิดเบือนไม่ตรงตามข้อเท็จจริง โดยคนที่พูดอาจจะรู้เรื่องไม่ครบถ้วนก็เลยพูดออกไปด้วยความเข้าใจอย่างนั้นอย่างนี้
“มีบุคคลประมาณ 3-4 รายที่ยังสงสัยในประเด็นใดสามารถเดินทางมาพบผมก็ได้ และยินดีให้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ชี้แจงว่าขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างไร และพูดเสมอว่าไม่อยากให้ปัญหานี้กลายเป็นความขัดแย้งจุดเล็กแต่เปลี่ยนประเด็นกลายเป็นเรื่องอื่น ซึ่งคดีสืบเนื่องมาจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น โดยบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ใช่มีแค่พระธัมมชโยเพียงท่านเดียว หากยกเลิกการปฏิบัติก็ต้องยกเลิกบุคลคลที่เกี่ยวข้องอื่นอีกหลายคน ฉะนั้น เจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายได้อย่างไร ผมพูดเสมอว่าพนักงานสอบสวนไม่มีความผิดต้องไปต่อสู้ในชั้นศาล” รมว.ยุติธรรมกล่าว
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า บุคคลนอกที่ออกมาพูดเชื่อมโยงต่างๆ ให้กลายเป็นประเด็นโดยไม่ยอมเข้ามาพูดคุยกันแต่อยากให้ปรากฏเป็นข่าวกับสื่อเพื่อสร้างความสับสนในสังคม ตนว่าไม่ถูกต้อง ทางกระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอก็ไม่เคยปิดกั้นที่จะให้ข้อมูล ทำตามกฎหมายทีละขั้นตอน ทั้งนี้ มีบางฝ่ายกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ บางฝ่ายพูดว่ามีการรังแกพระ อ้างทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ดีเอสไอได้ส่งหนังสือให้คณะปกครองสงฆ์เพื่อปฏิบัติตามแนวทางสงฆ์แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และเจ้าหน้าที่ระมัดระวังการทำงานอย่างรอบคอบซึ่งไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เพราะจะถูกตำหนิละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ผิดมาตรา 157 ทั้งนี้ ดีเอสไอสามารถบังคับใช้กฎหมายเลยก็ได้แต่อยากจะให้พูดคุยกันและบอกองค์กรที่เกี่ยวข้องมาช่วยแก้ปัญหา เนื่องจากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อยู่ในฐานะผู้ปกครองสงฆ์ สามารถสั่งการลงมาเป็นระดับชั้นและอย่าเอาไปเชื่อมโยงเกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช แต่เพื่อใช้ช่องทางอื่นๆ ในการแก้ไข และขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนตนเพียงให้คำแนะนำเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนกระแสข่าวที่ว่าวัดพระธรรมกายมอบเงินให้เจ้าหน้าที่รัฐ 2,000 ล้านบาทนั้น พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังทำงานแต่กลับมาถูกทำลายเกียรติ อยากให้ชี้มาเลยว่าใคร ตนจะลงโทษเอง แต่หากมาพูดลอยๆ จะเกิดความเสียหายแก่สังคม