MGR Online - “บิ๊กต๊อก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผย 4 แนวทางดำเนินการคดี “พระธัมมชโย” หลังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ยันยังไม่ใช้ ม.44 ส่งหนังสือ “สมเด็จช่วง” แก้ไขสถานการณ์สนับสนุนการปฏิบัติ ด้านนายกฯ ย้ำดำเนินการรอบคอบอย่าให้บานปลาย ตั้งกรอบทำงาน 1 สัปดาห์
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ชั้น 2 ห้องรับรอง กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงถึงความคืบหน้าคดีพระธัมมชโย หลังไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวตามกำหนดวันนัดหมายว่า ได้รับการชี้แจงจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามกฎหมายทีละขั้นตอนเพราะบางเรื่องละเอียดอ่อน หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วแต่ไม่ตามกฎหมายต้องระมัดระวัง เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จะแก้ไขให้คดีแล้วเสร็จแต่กลายเป็นปัญหาเกิดขึ้น
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ไม่ใช่วันสุดท้ายแต่อย่างใดเพียง พนักงานสอบสวน ให้กรอบระยะเวลา 1 สัปดาห์ให้ผู้ต้องหาเตรียมข้อมูล จนมีคนเข้าใจว่าวันดังกล่าวเป็นวันขีดเส้นตาย ซึ่งจริงแล้วศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับตั้งแต่วันแรกก็สามารถจับกุมได้ทันทีแต่พนักงานสอบสวนให้โอกาส และหลังจากคณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมกัน พร้อมกำหนด 4 แนวทาง ในการดำเนินการ “1. ให้กำหนดแผนหมายจับตามแผนดีเอสไอ 2. ส่งหมายจับให้ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่หากเห็นผู้ต้องหาสามารถจับกุมได้เลย 3. ส่งหนังสือให้ฝ่ายเถรสมาคมชี้แจงให้ทราบว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชาเนื่องจากมีพระบางรูปขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงความผิดพิจารณาการลงโทษ และ 4. ดำเนินการตามกฎหมายคดีอาญา ม.189 หากผู้ใดช่วยเหลือหรือให้ที่พักพิงจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
โดยพนักงานสอบสวนจะเร่งรัดคดีนี้ให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด คาดว่า 2-3 สัปดาห์ จากนั้นพนักงานสอบสวนการขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ใช้กฎหมาย ม.44 และใช้กฎหมายตามปกติ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างรอบคอบแต่อย่าขยายวงกว้างให้เกิดเหตุบานปลาย
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า เมื่อพนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่แต่ถูกขัดขวางจนเกิดความรุนแรงก็ไม่คุ้มรอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินตามแผนทีละขั้นตอน ส่วนหมายค้นขึ้นอยู่กับอำนาจศาลต้องทำรายละเอียดให้ศาลและหากเข้าไปแล้วต้องกำหนดสถานที่จุดไหนบ้างไม่ใช่บุกค้นทั้งวัด
โดยการยื่นหมายค้นนั้นต้องดูว่าสถานการณ์เอื้อต่อการเข้าไปค้นหรือไม่ นอกจากนี้ ทาง ดีเอสไอ ได้ส่งหนังสือไปให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เรียบร้อยแล้วเนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ทำหนังสือเป็นองคณะเพื่อให้ช่วยแก้ไขและสนับสนุนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวปิดท้ายว่า ส่วนทางวัดพระธรรมกายได้มีการนำรถแบ็กโฮมาปิดขวางทางเข้าออกนั้นให้ดูพฤติกรรมเองว่าสื่อถึงอะไร จงใจหรือให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม การส่งฟ้องศาลโดยไม่มีผู้ต้องหานั้นสามารถทำได้แต่ต้องมีข้อมูลและเหตุผลครบถ้วนให้เพียงพอเพื่อชี้แจงต่อศาลได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการมีมวลชนจำนวนมากมากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่จะทำให้เกิดสองมาตรฐานในการแจ้งข้อหากับบุคลอื่นหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่มีใครกดดันตนได้และอยากถามสังคมว่าอยากให้เป็นอย่างนี้หรือ ต้องถามว่าใครทำให้เกิดสองมาตรฐานเช่นนี้