xs
xsm
sm
md
lg

บช.ปส.โชว์ผลงานรวบขบวนการค้ายาเสพติด 3 คดี มูลค่ากว่า 66 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - บช.ปส.แถลงจับขบวนการค้ายาเสพติด 3 คดี ผู้ต้องหา 11 ราย พร้อมของกลางยาบ้าร่วม 3 แสนกว่าเม็ด กัญชาอัดแท่ง 300 กก. รถยนต์อีกหลายคัน อาวุธปืนพร้อมกระสุน มูลค่า 66 ล้านบาท

วันนี้ (21 พ.ค.) เวลา 09.00 น. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส. พร้อมด้วยนายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง ผบก.ปส.1 บช.ปส. พล.ต.ต.ไชยยา รุจจนเวท ผบก.ปส.2 บช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงค์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ผบก.ปส.4 บช.ปส. พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ ขันธวิจารณ์ ผบก.ขส.บช.ปส. พ.ต.อ.วรวิทย์ ไวถนอมสัตว์ รอง ผบก.ปส.1 พ.ต.อ.ชัยโรจน์ ชัยยะ รอง ผบก.ปส.2 และนายสิทธิศักดิ์ กันณประดิษฐ์ ผอ.สปป.สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่รวม 3 คดี ประกอบด้วยผู้ต้องหาทั้งหมด 11 ราย พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 66 ล้านบาท

โดยคดีแรก ผู้ต้องหาทั้งหมดจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายมนัส หรือนัส หุ่นกระจก อายุ 41 ปี ชาว กทม., นายเรวัต หรือโอ๋ โหลขุนเซียม อายุ 38 ปี ชาว กทม. และนายนครพันธ์ หรือออฟ อ่อนดีสุขใจ อายุ 29 ปี ชาว กทม. พร้อมของกลางยาบ้า 50 มัด รวม 1 แสนเม็ด ยาไอซ์ 1 ห่อ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน 2 กม 7982 กรุงเทพมหานคร รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ฒภ 9018 กรุงเทพมหานคร อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน โมเดล 39 หมายเลข 62195 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 7 นัด และ โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ซึ่งสามารถจับกุมตัวได้บริเวณลานจอดรถภายในห้างสรรพสินค้า แม็กซ์แวลู สาขาพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร และบริเวณทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.วันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.พรชัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ บก.ปส.3 ได้รับรายงานจากสายลับว่านายมนัสพร้อม นายนครพันธ์ และพรรคพวกมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดจึงวางกำลังเฝ้าติดตามพฤติกรรมพร้อมนัดหมายส่งมอบของกลางที่บริเวณริมถนนคู่ขนานทางหลวงพิเศษดังกล่าว จนกระทั่งถึงเวลานัดพบผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ขับรถเข้ามากันคนละคัน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นพบของกลางก่อนขยายผลจับกุมนายเรวัตได้ภายในลานจอดรถของห้างดังกล่าว สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มนี้จะลำเลียงยาเสพติดมาจาก จ.ปทุมธานี จากนั้นจะนำมาพักที่ย่านอ่อนนุช ก่อนไปจำหน่ายให้ลูกค้าในกรุงเทพมหานครและเขตรอยต่อ โดยเจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรมมานานกว่า 6 เดือน จนแน่ชัดว่าเป็นขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจริง จากการตรวจสอบประวัตินายมนัส และนายเรวัต พบว่าเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติดมาก่อน ส่วนนายนครพันธ์เพิ่งเคยก่อเหตุเนื่องจากภรรยากำลังท้องต้องการหาเงินมาสร้างครอบครัว

คดีที่ 2 นายวรกมล หรือเม่น เฉยเถื่อน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/5 ม.1 ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 100 มัด รวม 206,000 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อนิสสัน หมายเลขทะเบียน กจ 1492 ประจวบคีรีขันธ์ กระเป๋าเป้สีดำ 1 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวได้บริเวณด่านตรวจพยุหะคีรี เลขที่ 520 หมู่ 3 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.พรชัยกล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ บก.ปส.3 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฎิบัติการพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก แม่ทัพภาคที่ 3 ร่วมกันตั้งด่านตรวจค้นผู้กระทำความผิดทั่วไปอยู่ที่บริเวณดังกล่าว กระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัยขับเข้ามาด้วยความเร็วโดยมีท่าทางพิรุธจึงเรียกเพื่อขอเข้าตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวกลับเร่งเครื่องยนต์เพื่อหวังแหกด่านหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงทำการสกัดจับก่อนเข้าทำการตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเป้ซึ่งวางอยู่ในกระโปรงท้ายรถยนต์จึงทำการตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่าผู้ต้องหารับของกลางมาจากชนกลุ่มน้อยซึ่งเป็นขบวนการที่มาจาก จ.ลพบุรี

คดีสุดท้าย ผู้ต้องหาทั้งหมด 7 ราย ประกอบด้วย นายสุรชิต วิลาด อายุ 37 ปี ชาว จ.นครพนม, นายอนุลักษณ์ แพงวงษ์ อายุ 43 ปี ชาว จ.นครพนม, นายอรรถพล จันทร์อร่าม อายุ 19 ปี ชาว จ.อุดรธานี, นายทศพล สวัสดิ์วงค์ชัย อายุ 34 ปี ชาว จ.นครพนม, นายประดิษฐ์ วิลาส อายุ 43 ปี ชาว จ.นครพนม, นางคำวิไล โสมบันดิด อายุ 40 ปี สัญชาติลาว และนายวอน โสมบันทิด อายุ 32 ปี สัญชาติลาว พร้อมของกลาง กัญชาอัดแท่งจำนวน 300 กิโลกรัม รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน กฉ 6608 สกลนคร (รถนำทาง) รถยนต์ยี่ห้อนิสสัน รุ่นอัลเมลา สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กย 7330 อุดรธานี (รถนำทาง) รถยนต์ยี่ห้อเชฟโลเลต รุ่นซาฟีรา สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ภร 8151 กรุงเทพมหานคร (ใช้บรรทุกกัญชา) และโทรศัพท์มือถือจำนวน 7 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในกรีนวิว-ศรีสุขรีสอร์ท ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ก่อนขยายผลได้ที่บริเวณริมถนนหน้าโรงแรมเจริญธานี ขอนแก่น ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 105 ม.2 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม และ ศูนย์อาหารภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขานครพนม อ.เมือง จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา

ด้าน พล.ต.ต.เพชรัตน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว ได้รับรายงานจากสายลับว่ามีขบวนการนักค้ายาเสพติดลักลอบจำหน่ายกัญชาตามแนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ จ.นครพนม ทราบชื่อต่อมาคือนางคำวิไล จึงทำการติดต่อล่อซื้อกัญชาจำนวน 300 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 6 พันบาท รวมเป็นเงินสดจำนวน 1.8 ล้านบาท โดยมี นายสุรชิต คอยประสานงานก่อนนัดหมายกันที่ห้องพักหมายเลขวี 6 กรีนวิว-ศรีสุขรีสอร์ท ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เมื่อไปถึงยังจุดเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบของกลางซึ่งบรรจุอยู่ในกระสอบก่อนติดตามจับกุมนายสุรชิตที่นั่งรออยู่บริเวณลานจอดรถพร้อมทั้งให้การซัดทอดว่าเป็นผู้ขับรถนำกัญชามาเก็บไว้ภายในห้องพักดังกล่าว ซึ่งระหว่างขนย้ายของกลางมีรถยนต์อีก 2 คันซึ่งเป็นคนไทยทั้งหมดคอยทำหน้าที่ร่วมนำและปิดท้ายขบวน โดยทิ้งระยะกว่า 8-10 กิโลเมตร ทางเจ้าหน้าที่จึงขยายผลจับกุมได้ในเวลาต่อมา ก่อนวางนำกำลังสามารถเข้าจับกุมนางคำวิไล และนายวอนที่มารอรับเงินค่าของกลางด้วยตนเองได้ที่ภายในศูนย์อาหารของห้างดังกล่าว

“ตั้งแต่ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.ปฏิบัติงานมาสามารถเข้าจับกุมได้เพียงแต่ผู้ส่งเท่านั้น แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สามารถจับกุมตัวการซึ่งเป็นชาวลาวได้ครั้งแรก” พล.ต.ท.เรวัชกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมทั้งขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น