MGR Online - ทนายธัมมชโย เข้าให้ปากคำ ดีเอสไอ หลังมีชื่อพัวพันซื้อหุ้น บ.เอ็มโฮมเอสพีวี ยันไม่ได้ถือครองหุ้นแทน “เสี่ยศุภชัย” ดูแลเรื่องกฎหมายและคดีความเท่านั้น ส่วนเรื่องเงินโยนถามผู้ถือหุ้น ด้านอธิบดีดีเอสไอ มั่นมีหลักฐานเอาผิด
วันนี้ (13 พ.ค.) เวลา 13.00 น. สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.บัณฑูรย์ ฉิมกรา ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน ตามหมายเรียกของดีเอสไอ หลังคณะพนักงานสอบสวนพบหลักฐาน ว่า นายสัมพันธ์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น นำเงิน 321.4 ล้านบาท โดยสั่งจ่ายเช็ค 10 ฉบับ เป็นเงินจากสหกรณ์ฯคลองจั่น ไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด มูลค่าความเสียหายประมาณ 320 ล้านบาท ซึ่งมีชื่อของ นายสัมพันธ์ ถือหุ้นแทนนายศุภชัย
นายสัมพันธ์ กล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี เป็นหนี้สถาบันการเงินอยู่ 3 แห่ง และมีการฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลธัญบุรี โดยคณะนักกฎหมายก็ได้เข้าไปดูการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ ซึ่งหลักความจริงเราในฐานะนักกฎหมายก็เข้าไปทำงานในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวตนสามารถชี้แจงกับพนักงานสอบสวนได้ ทั้งนี้ ตนไม่ได้เตรียมเอกสารหลักฐานในเรื่องนี้มา เนื่องจากยังไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะสอบถามในประเด็นใดบ้าง จึงต้องขอดูประเด็นที่พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำก่อน
“บริษัท เอ็มโฮมฯ เป็นหนี้สถาบันการเงิน เราเข้าไปปรับปรุงโครงสร้างหนี้และเทกโอเวอร์เขา เมื่อเราไปซื้อบริษัทเขามา ซื้อหนี้เขามา ก็ซื้อบริษัทเขามาด้วย โดยมีเงินสหกรณ์แค่บางส่วน ประมาณ 300 กว่าล้านบาท ซึ่งจะต้องดูเอกสารก่อนว่าเงินที่เหลือมันคือเงินอะไร เพราะบริษัทเป็นหนี้อยู่ 800 กว่าล้านบาท” นายสัมพันธ์ กล่าว
นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้ถือครองหุ้นบริษัทแทนใคร ซึ่งที่จริงแล้ว เขาเป็นคนไปเจรจาติดต่อหนี้ แต่ตนเข้าไปในฐานะนักกฎหมายเพื่อดูเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อเจรจาคดีความที่อยู่ในศาล ซึ่งเขาจึงได้มอบหมายให้ตนมาดูแลในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเงินนั้นตนไม่ได้แตะและไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งเรื่องเงินนั้นต้องไปถามผู้ถือหุ้นอีกคน เพราะเขาเป็นคนจัดการของเขาเอง ยืนยันว่า ตนดูแลแค่เรื่องกฎหมายกับคดีความเท่านั้น ทั้งนี้ ตนเข้าไปเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
ต่อมา เวลา 15.30 น. นายสัมพันธ์ เปิดเผยหลังเข้าพบ พ.ต.ท.บัณฑูรย์ ฉิมกรา ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 เพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ได้ให้การบ้านมา ตนต้องกลับไปทำการบ้านกันต่อเรื่องเอกสาร ซึ่งมีหลายข้อ แต่ยังนึกไม่ออกต้องหาเอกสารหลักฐานก่อนเพื่อมามอบให้เจ้าหน้าที่อีกครั้ง โดยเป็นเอกสารของ บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี ที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี เป็นหนี้สถาบันการเงิน 3 สถาบัน จึงเอาที่ดินไปจำนองกับสถาบันการเงิน จำนวน 800 กว่าล้านบาท เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ ทาง บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี ไม่มีเงินจ่าย สถาบันการเงินจึงบังคับใช้หนี้ด้วยการให้จำนองที่ดิน
“โดยทางเราได้ไปขอซื้อหนี้จากสถาบันการเงินทั้ง 3 สถาบัน ซึ่งการซื้อหนี้ต้องเข้าไปเทกโอเวอร์ บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี ด้วย เนื่องจากเป็นลูกหนี้ ฉะนั้น เมื่อเจ้าหนี้ฟ้องร้องลูกหนี้ กันอยู่ เราจึงเข้าไปสวมสิทธิ์เป็นลูกหนี้ของ บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี เพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ 3 สถาบันการเงิน และขอชำระหนี้ให้แทน นอกจากนี้ การที่สหกรณ์ฯชำระเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพียงต้องการขอซื้อที่ดินจาก บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี เท่านั้น เพื่อทำโครงการให้กับสมาชิกในสหกรณ์ฯ ไม่ได้ต้องการ บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี แต่อย่างใด ส่วนเงินอีก 500 กว่าล้านบาท ยังไม่สามารถตอบได้ต้องขอกลับไปทำการบ้านก่อน” นายสัมพันธ์ กล่าว
นายสัมพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนจำนวนหนี้กว่า 800 ล้านบาท หากเอาที่ดินดังกล่าวไปขายได้จะมีราคาประมาณ 1,000 ล้านบาท จะได้กำไรส่วนต่างราว 100 ล้านบาท ส่วนเป็นปัญหา คือ สหกรณ์ฯมีเงินเพียง 300 กว่าล้านบาท ถ้าสหกรณ์ฯจ่ายเงินค่าที่ดินครบตั้งแต่ตอนนั้น ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งมีบุคคลที่ถือหุ้นใน บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี หลายคน แต่แกนนำมีเพียง 3 คนเท่านั้น และคนที่มอบหมายให้ตนดำเนินการนั้นมีหลายกลุ่ม ซึ่งตนจำไม่ได้และได้เข้าไปเกี่ยวข้องเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย ซึ่ง พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ จะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ อีกครั้ง แต่ต้องรวบรวมเอกสารให้เรียบร้อยเสียก่อน และจะโทรศัพท์มานัดหมายวันเวลากันใหม่
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอ มีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย กรณีถือหุ้นแทน นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น ซึ่งใช้เงินจากสหกรณ์ฯคลองจั่น ไปซื้อหุ้น บริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท พร้อมที่ดินย่านตลาดไทกว่า 300 ไร่