MGR Online - รมว.วิทย์ เผย หลังเข้าตรวจสอบโกดัง ซ.พหลโยธิน 24 เป็นสารอิริเดียม 192 ใช้ในอุตสาหกรรรมทั่วไป ที่หมดอายุแล้ว ไม่เป็นอันตราย พร้อมตามผู้เช่าชาวเกาหลีสอบสวน เบื้องต้น ผิด พ.ร.บ. ปรมาณูฯ นำสารมาทิ้งไม่ถูกต้อง
จากกรณีพบวัตถุบรรจุสารเคมีต้องสงสัยภายในอาคารพาณิชย์ ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงก่อสร้าง 2 ชั้น บ้านเลขที่ 10 ซอยพหลโยธิน 24 แยก 2-1 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้เข้าไปตรวจสอบวัตถุดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นสารเคมีชนิดใด รวมถึงมีการรั่วไหลออกมาและเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่นั้น
ล่าสุด เวลา 17.20 น. วันนี้ (12 พ.ค.) ดร.พิเชษฐ์ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมตรวจสอบวัตถุดังกล่าว ว่า เป็นอุปกรณ์ช่วยทำหน้าที่ในการถ่ายภาพด้วยรังสีแกมมา ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไปในการเอกซเรย์เครื่องจักรที่ชำรุดที่ไม่สามารถตรวจสอบภายในได้ โดยจากการใช้เครื่องมือตรวจสอบภายในอุปกรณ์ดังกล่าวอย่างละเอียดแล้ว พบว่า มีสารอิริเดียม 192 เล็กน้อย แต่หมดอายุแล้ว และยืนยันว่า ไม่ใช่โคบอลต์ 60 อีกทั้งไม่เป็นอันตรายต่อประชาชน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการเคลื่อนย้ายวัตถุดังกล่าว ไปเก็บไว้ที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งถึงที่มาที่ไปของวัตถุชนิดนี้ ก่อนจะนำไปทำลายทิ้งอย่างถูกวิธี
ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ ชินอุดมทรัพย์ รองเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวยืนยันด้วยว่า วัตถุที่พบในอาคารแห่งนี้ไม่มีอันตราย โดยปกติแล้วสารอิริเดียม 192 จะไม่มีการรั่วไหลออกมา ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปแบบแท่งโลหะ ส่วนผู้ที่นำวัตถุดังกล่าวเข้ามาต้องมีการตรวจสอบ ว่า มีใบอนุญาตนำเข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นถือว่า มีความผิด เนื่องจากนำมาทิ้งอย่างไม่ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ. พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามเจ้าของผู้ครอบครองวัตถุดังกล่าวมาสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ขอแนะนำประชาชนหากพบวัตถุหรือสารเคมีอันตรายให้ออกห่างและแจ้งหน้าที่มาตรวจสอบทันที
ด้าน นางพิมพ์ชยา สุรสารพัน อายุ 55 ปี ผู้ดูแลอาคาร เปิดเผยว่า อาคารแห่งนี้เดิมเป็นของบริษัท จัดหางานโปรเฟสชั่นแนล โอเวอร์ซี ออฟแมนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งก่อนหน้าได้ปล่อยให้ชาวเกาหลี ซึ่งเป็นเพื่อนของเจ้าของอาคารเช่าทิ้งไว้ ต่อมาชาวเกาเหลีเดินทางกลับประเทศเกาหลี แต่ก่อนเดินทางกลับได้นำกล่องสารเคมีมาทิ้งไว้และเดินทางกลับ และเมื่อตนเข้ามาเพื่อเคลียร์สิ่งของภายในอาคารที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง พบวัตถุดังกล่าวอยู่บริเวณชั้น 2 จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเพื่อนำไปทำลาย
