“ศรีวราห์” ชี้หลักฐานยังไม่ชัด ยังไม่ออกหมายเรียก “โอ๊ค พานทองแท้”

MGR Online - “ศรีวราห์” เผยหลักฐานพยานไม่ชัดเจน ยังไม่ออกหมายเรียก “โอ๊ค พานทองแท้” หลังถูกพาดพิงให้เงินสนับสนุนกลุ่มแอดมินเพจเรารัก พล.อ.ประยุทธ์

วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนกลุ่มแอดมินเพจเรารัก พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากดำเนินคดีไปแล้ว 8 ราย โดยปรากฏข้อมูลในเอกสารคำร้องฝากขังระบุว่านายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังว่า เรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหามากกว่า หลังจากที่ตนได้ตรวจสำนวนแล้วจึงสั่งให้รอไว้ก่อน ยังพบว่าพยานหลักฐานยังไม่ชัดเจน จึงยังไม่มีการออกหมายเรียกหรือออกหมายจับ เนื่องจากยังต้องมีหลักฐานอีกหลายส่วนที่ต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติม ยืนยันว่ามีการพาดพิงถึง แต่ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแล้วไม่มีน้ำหนักเพียงพอ

“ส่วนจะมีบุคคลอื่นๆ นอกเหนือจากนายพานทองแท้ ตามคำกล่าวอ้างอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น เป็นเรื่องอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าถ้าใครเข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการทั้งหมด ส่วนกรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ที่มีชื่อปรากฏในแผนผังเชื่อมโยงความเคลื่อนไหวหรือไม่นั้น ต้องดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน ถ้าน้ำหนักไม่เพียงพอก็ไม่สามารถทำได้ ต้องมีการสืบข้อมูลเพิ่มเติม ทุกอย่างมีมูลเหตุอยู่แล้วเนื่องจากมีคนซัดทอด ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวน ถ้ามีน้ำหนักเพียงพอก็ต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญรายวันนั้น ต้องอยู่ในกรอบ ถ้าขัดต่อกฎหมายต้องดำเนินการ ไม่กังวลการเคลื่อนไหวที่อาจจะหนักขึ้น ส่วนกรณีของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ก็ต้องดำเนินการตามกรอบของกฎหมายเช่นกัน การออกมาเคลื่อนไหวที่ผ่านมาบางครั้งมีหมิ่นเหม่แต่ไม่เข้ากรอบกฎหมายจึงไม่สามารถดำเนินการได้

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้ทุกคนอดใจรอเนื่องจากมีเวทีในการแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว และขอให้ไปใช้สิทธิของตัวเองในเวทีนั้นดีกว่า นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกหลักเกณฑ์ 6 ข้อที่ทำได้ และ 8 ข้อที่ทำไม่ได้ ฝากให้ไปศึกษาก่อนตัดสินใจเคลื่อนไหว