MGR Online - ตร.กองปราบฯ รวบแก๊งตกโฉนด รวมหัวตุ๋นอาจารย์ขอยืมโฉนดที่ดินบนเกาะสมุย 2 แปลง อ้างไปประกันตัวลูกชาย ก่อนปลอมหนังสือมอบอำนาจขายต่อนายทุน เสียหายร่วม 28 ล้านบาท ด้าน “พ.ต.ท.ธราดล” เผยเป็นขบวนการหัวแถวประเทศ พบ พนง.แบงก์ร่วมด้วยในการออกเช็คสั่งจ่าย เตรียมขยายผลจับเพิ่ม
นนี้ (8 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.พันธนะนุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.6 บก.ป. พ.ต.ท.วชิรศักดิ์ สายสุทธิ สว.กก.6 บก.ป.แถลงผลจับกุม น.ส.จารี หรืออิสรีพร พรหมจันทร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/2 หมู่ 3 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี, น.ส.สุพรรณีย์ วาสิน อายุ 42 ปี อยู่เลขที่ 53 หมู่ 2 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย, น.ส.สุนารี มณีโชติ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 หมู่ 8 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช, นายเอกชัย แก้วกำเนิด อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/9 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. และ น.ส.มธุรดา ดีมีศรี อายุ 36 ปี อยู่เลขที่ 106/5 หมู่ 1 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 314-318/2559 ลงวันที่ 5 เมษายน 2559 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยจับกุมนายเอกชัยได้ในพื้นที่ กทม. ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจับกุมได้ที่ อ.เกาะสมุย เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา
พ.ต.ท.ธราดลกล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีอดีตอาจารย์ 2 ระดับ 7 ชาว อ.เกาะสมุย ผู้เสียหาย (ขอสงวนชื่อจริงและนามสกุล) ได้เข้าร้องทุกข์ต่อรักษาการ ผบก.ป.เพื่อขอให้สอบสวนดำเนินคดีต่อ น.ส.จารี กับพวก ภายหลังได้มอบโฉนดที่ดิน 2 แปลง ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย มูลค่าประมาณ 28 ล้านบาท ให้แก่ น.ส.จารี คนสนิทที่เคยขับรถให้ เพราะทาง น.ส.จารีอ้างว่าต้องการใช้หลักทรัพย์ไปประกันตัวลูกชายเพื่อนที่ต้องคดียาเสพติด แต่กลับถูกนำไปปลอมหนังสือมอบอำนาจแล้วนำโฉนดที่ดินดังกล่าวไปขายฝากกับนายทุน เหตุเกิดระหว่างวันที่ 26-27 มีนาคม 2558
พ.ต.ท.ธราดลกล่าวต่อว่า จากนั้นทางเจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ กระทั่งพบพฤติการณ์กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเป็น “แก๊งตกโฉนดที่ดิน” รายใหญ่ มีการกระทำกันเป็นขบวนการ โดยจะแบ่งหน้าที่กันหลอกลวงเหยื่อ ที่ผ่านมามีการหลอกลวงผู้ที่ต้องการขายที่ดินแล้วอ้างว่ามีนายทุนที่สนใจซื้อโดยให้ราคาสูง แต่จริงแล้วก็เป็นกลุ่มผู้ต้องหาเอง เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะนำโฉนดที่ดินไปทำหนังสือมอบอำนาจปลอม ก่อนทำนิติกรรมอำพรางว่ามีการซื้อขายที่ดินกัน แต่จริงแล้วเป็นเพียงการขายฝาก จนมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ถูกหลอกลวง สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายล้านบาท
พ.ต.ท.ธราดลกล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้เสียหายนี้ เฉพาะที่ดิน 2 แปลง มีราคาซื้อขายที่แท้จริงมีการโอนเงินผ่านธนาคารเป็นจำนวน 12.5 ล้านบาท แต่มีการแจ้งต่อสำนักงานที่ดินในราคาเพียง 1.5 ล้านบาท โดยทางเจ้าหน้าที่ที่ดินประเมินราคาที่ดินให้เจือสมกับราคาที่แจ้ง ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีจากเงินจำนวน 11 ล้านบาท หากคำนวณเป็นภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐคือ 5.5 แสนบาท กรณีที่เกิดขึ้นจึงน่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงพนักงานธนาคารที่อาจจะร่วมรู้เห็นในการออกเช็คสั่งจ่ายอีกด้วย
จากการสอบสวนนายเอกชัยให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือรับสารภาพ โดยอ้างว่าผู้เสียหายเป็นหนี้พวกตน 8 แสนบาท โดยนำโฉนดที่ดินมาค้ำประกันไว้ มีกำหนดจะชำระหนี้คืนภายใน 10 วัน หากเลยกำหนดผู้เสียหายอนุญาตให้นำโฉนดไปขายฝากได้ทันที ซึ่งก็เป็นไปตามข้อตกลง เมื่อครบกำหนดนัดแล้วทางผู้เสียหายไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ พวกตนจึงนำไปทำนิติกรรมดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การโดยจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.รับไว้ดำเนินคดีและขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดต่อกลุ่มผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป