MGR Online - “เชียร์-การ์ตูน” ดาราช่อง 7 บุก สน.สายไหม ตามคดี พนง.ฝ่ายขายโกงเงินอาหารเสริมร่วม 10 ล้าน เผยผ่านมาร่วมเดือนยังเงียบ เคยไกล่เกลี่ยไม่อยากให้เป็นคดีจนขึ้นศาล ด้าน ตร.ระบุอยู่ในขั้นตอนรวมหลักฐานเพิ่มเติม
วันนี้ (15 มี.ค.) เวลา 11.30 น. ที่ สน.สายไหม น.ส.ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ หรือเชียร์ อายุ 28 ปี และน.ส.นันท์ฐณิชา ศิริปรีดาวัชร์ หรือการ์ตูน อายุ 28 ปี นักแสดงและผู้บริหารบริษัท ชาร์มมิ่งเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือชาเม่ เข้าพบ พ.ต.อ.จตุรภัทร แช่มลำเจียก ผกก.(สอบสวน) สน.สายไหม เพื่อติดตามการดำเนินคดีต่อพนักงานฝ่ายขายบริษัทฯ หลังโดนโกงมีมูลค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
น.ส.ฑิฆัมพรกล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาติดตามผลที่ได้เคยเข้าแจ้งความคดีฉ้อโกงไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีต่อพนักงานขายของบริษัทฯ ซึ่งหลังจากได้พูดคุยกับทาง พ.ต.อ.จตุรภัทร ทราบว่ายังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ซึ่งจริงๆ ก็ให้โอกาสคู่กรณีในการพูดคุยไกล่เกลี่ยมานานแล้ว สำหรับตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอยู่ในขั้นตอนกระบวนการทางศาล กับคู่กรณียังสามารถติดต่อได้ แต่ก็ยังมีการผัดผ่อนอยู่ จึงอยากฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนสำหรับใครที่จะดำเนินธุรกิจแบบนี้ให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะตนก็ไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดแบบนี้อีกแล้ว ต่อจากนี้จะทำอะไรก็จะรัดกุมกว่านี้
ด้าน น.ส.นันท์ฐณิชากล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2558 เริ่มตรวจสอบพบว่ามีการทุจริต โดยพนักขายได้ไปขายสินค้าแล้วเก็บเงินมาแต่ไม่ได้ชำระเงินเข้าบริษัท ที่ตรวจสอบพบเป็นเงินสดจำนวนกว่า 5 ล้านบาท และทำให้มีผลกระทบต่อกิจการชาเม่ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท โดยรูปแบบการดำเนินกิจการของบริษัทหลังจากได้เปิดตัวมา 5 ปี มีการขยายตัวแบบก้าวกระโดด มีดีลเลอร์เกิดขึ้นเป็นพันรายจนเกิดการดูแลไม่ทั่วถึง จึงอาจทำให้เกิดช่องว่างให้พนักงานรายนี้กระทำการฉ้อโกง ซึ่งในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมามีปัญหาด้านการเงินและมีการทุจริตเกิดขึ้น จึงได้สั่งระงับไม่ให้พนักงานรายนี้ขายสินค้า แต่ก็ยังมีการร่วมมือกับพนักงานฝ่ายขายที่ดูแลรายย่อยนำสิทธิ์ของคนอื่นไปขายด้วย
น.ส.นันท์ฐณิชายังบอกอีกว่า เคยเจรจากับฝั่งพนักงานขายซึ่งเป็นคู่กรณีแล้ว และไม่อยากให้เป็นคดีความ ไม่อยากขึ้นศาล รวมถึงอยากจะให้โอกาสเขาและเชื่อในคำพูด แต่เรื่องมาถึงจุดนี้เพราะไม่เป็นไปตามที่ได้บอกไว้ หากได้รับเงินตามความเสียหายที่เกิดขึ้นคงไม่มีการแจ้งความ โดยอยากให้เขาแสดงความรับผิดชอบทุกอย่าง และหลังจากนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ขณะที่ พ.ต.อ.จตุรภัทรเปิดเผยว่า ทางผู้เสียหายได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีหลังจากได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อพนักงานขายของบริษัทในข้อหาฉ้อโกงเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้ ทางผู้ถูกกล่าวหาได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนกรณีที่มีผู้อื่นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติ่มซึ่งอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น