xs
xsm
sm
md
lg

คุก 12 ปี “ป๋าชื่น” กรรมการ บ.เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ คดีหมิ่นเบื้องสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลสั่งจำคุก 12 ปี “ป๋าชื่น” กรรมการบริษัท เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ หมิ่นเบื้องสูง อ้างออกโฉนดทับซ้อนที่ทหาร



วันนี้ (5 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ ที่ อ.1716/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญธรรม หรือป๋าชื่น บุญเทพประทาน อายุ 66 ปี กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท บ้านชุมทอง จำกัด และบริษัท เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

อัยการโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2558 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างปี 2550-2551 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ที่ดินบริเวณเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีบางส่วนมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน บางส่วนเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับที่ดินที่ทางฝ่ายทหารที่มีหนังสือขอใช้พื้นที่อย่างเป็นทาง เมื่อปี 2534 และบางส่วนเป็นพื้นที่ที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติได้กันไว้เป็นพื้นที่ทดแทนพื้นที่ต้นน้ำ ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้

แต่ต่อมานายบุญธรรม จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ บจก.บ้านชุมทอง และ บจก.เขาใหญ่ฯ ที่ประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดินและค้าขายที่ดินมีความประสงค์จะนำที่ดินบริเวณดังกล่าวมาขอออกโฉนดที่ดินเพื่อจัดสรรขายให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่ดินไปปลูกบ้านพักตากอากาศในราคาสูงทำกำไรได้มาก ซึ่งนายบุญธรรม จำเลยได้ร่วมมือกับนายเสฏฐวุฒิ หรือตั๊ก เพ็งดิษฐ์ จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1666/2558 ที่เป็นนายหน้าค้าที่ดิน ให้ไปดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าวเนื้อที่หลายร้อยไร่ โดยนายบุญธรรม จำเลยได้พูดกับนายเสฏฐวุฒิ โดยมีถ้อยคำบางตอนที่อ้างว่ามีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก.และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. หากนายเสฏฐวุฒิมีปัญหาหรืออุปสรรคขั้นตอนใดๆ ในการขอออกโฉนดที่ดินก็ให้มาบอกกล่าวกับนายบุญธรรม จำเลยได้ทันที ซึ่งถ้อยคำนั้นเป็นการแอบอ้าง จาบจ้วง ล่วงเกิน ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์รัชทายาท และต่อมายังได้พูดแอบอ้างกับนายเสฏฐวุฒิอีก โดยมีเจตนาชัดเจนที่ต้องการแอบอ้างรัชทายาทเพื่อให้ตนเองสมประโยชน์ เหตุเกิดที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ

โดยศาลได้เบิกตัวนายบุญธรรม หรือป๋าชื่น มาจากเรือนจำเพื่อฟังคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่นำสืบแล้ว เห็นว่าโจทก์มีพนักงานสอบสวน 4 นายซึ่งเป็นชุดพนักงานสอบสวนที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เมื่อปี 2558 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนกว่า 30 นาย เพื่อสืบสวนสอบสวนหลักฐานทางคดี เบิกความสอดคล้องกันถึงคำให้การของนายเสฏฐวุฒิ ผู้ต้องหา ซึ่งให้การว่าช่วงปี 2550-2551 ได้รับประสานให้รวบรวมที่ดินที่อำเภอปากช่องและได้รับเงินเดือนๆ ละ 20,000 บาทจากจำเลย โดยจำเลยอ้างกับนายเสฏฐวุฒิ ว่าหากมีปัญหาดำเนินการให้มาบอกเพราะรู้จักกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

นอกจากนี้ยังมีพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินปากช่อง เบิกความว่าครั้งแรกนายเสฏฐวุฒิมาขอออกโฉนดที่ดินเพื่อจะทำโรงแรมแต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขาสูง มีความชันเกินกว่า 35 องศา และเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ทหารซึ่งไม่สามารถออกโฉนดได้ ภายหลังนายเสฏฐวุฒิได้ดำเนินการอีกโดยระบุว่าจำโฉนดที่ดินไปถวาย นอกจากนี้ยังมีนายก อบต.อีกปากเบิกความว่าเมื่อปลายปี 2550 มีการมาขอให้พยานรับรองออกโฉนดที่ดิน ซึ่งพยานแจ้งว่าการออกโฉนดไม่สามารถดำเนินการได้ โดยคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวก็เป็นลำดับขั้นตอนและสอดคล้องกับคำให้การในชั้นสอบสวนอีกทั้งพยานดังกล่าวไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงรับฟังได้ว่าคำเบิกความของพยานเป็นไปตามหน้าที่

ส่วนที่นายเสฏฐวุฒิ จำเลยอีกสำนวนหนึ่งซึ่งรับสารภาพไปก่อนหน้านี้และศาลมีคำตัดสินแล้ว มาเบิกความเป็นพยานในคดีนี้โดยอ้างว่าไม่ได้รับสารภาพโดยสมัครใจ ถูกกลั่นแกล้งและข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ว่าจะทำร้ายครอบครัวนั้น ศาลเห็นว่าเมื่อมีการฟ้องคดีนายเสฏฐวุฒิ ศาลก็ให้โอกาสเต็มที่ในการต่อสู้คดีแต่จำเลยก็ให้คำรับสารภาพ ซึ่งได้มีคำตัดสินและคดีถึงที่สุดเมื่อไม่มีการยื่นอุทธรณ์ ขณะที่คำให้การในชั้นสอบสวนของนายเสฏฐวุฒิก็ได้กระทำต่อหน้าจำเลย ซึ่งแม้คำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวจะเป็นการซัดทอดจำเลยด้วย แต่คำให้การนั้นก็ไม่ทำให้นายเสฏฐวุฒิพ้นจากความผิดเช่นกัน อีกทั้งการสอบสวนก็ทำในรูปแบบของคณะทำงานตามคำสั่งของ ผบ.ตร. คำให้การจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้เพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมีความผิดหรือบริสุทธิ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 ซึ่งฟังได้ว่าคำให้การของพนักงานสอบสวนนั้นได้มาโดยชอบ

สำหรับที่จำเลยสู้ว่าถูกกลั่นแกล้งเพราะจำเลยให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ จำเลยในคดีหมิ่นเบื้องสูงเช่าที่เปิดบ่อนโคลอนเซ่นั้น จำเลยมีเพียงตนเองและบุตรชายเบิกความโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน

พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่าจำเลยได้รับประโยชน์ในการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งได้มีการกล่าวอ้างถึงองค์รัชทายาท ทำให้ถูกดูหมิ่นและเสื่อมเสียพระเกียรติยศ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวม 2 กระทงๆ ละ 8 ปี รวม 16 ปี ทางนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีเห็นควรลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลย 2 กระทงๆ ละ 6 ปี รวม 12 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษานายบุญธรรม หรือป๋าชื่น ก็ได้พูดคุยกับบุตรชายและญาติซึ่งมีการหารือว่าจำนำคำพิพากษาไปปรึกษาทีมทนายว่าจะมีการอุทธรณ์คดีต่อหรือไม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้นำตัวนายบุญธรรมไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเสฏฐวุฒิ หรือตั๊ก เพ็งดิษฐ์ อายุ 52 ปี อาชีพนายหน้าค้าที่ดิน เป็นน้องชายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานเดียวกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2558 โดยชั้นพิจารณานายเสฏฐวุฒิให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2558 ว่านายเสฏฐวุฒิกระทำผิดจริง ตามมาตรา 112 ให้จำคุก 5 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่ง จึงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น