MGR Online - รรท.ผบช.น.แถลงจับแก๊งวัดตะพานตระเวนลักจักรยานยนต์ใน กทม.และสมุทรปราการ ผู้ต้องหารับทำมา 27 ครั้ง ถูกชักชวนจากการไปแว้น ก่อนนำขายคันละ 5-7 พันบาท อ้างให้เงินพ่อและเที่ยวเตร่
วันนี้ (10 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สส.บก.น.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว นายยอด ขุขันธิน หรือโล้น อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 7 ต.ท่าไข่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา, นายพิพัฒน์พงษ์ พิศกิ่ง หรือเต้ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/3 หมู่ที่ 4 ต.ท่านั่ง อ.โพทะเล จ.พิจิตร, นายจังกุ๊ก (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหา “แก๊งวัดตะพาน” ที่ออกตระเวนลักจักรยานยนต์หลายพื้นที่ใน กทม.และ จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลาง (1. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีเทา หมายเลขทะเบียน 4 กธ 3472 กทม. (2. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น MSX สีเหลือง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (3.จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน 3 กฉ 1678 กทม. (4. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 2 กฌ 3032 กทม. (5. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กฮ 6170 กทม. (6. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 กง 3080 กทม. (7. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น MSX สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (8. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น MSX สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (9. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 กฌ 2968 และ (10. จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 4 กณ 2884 กทม. รวมจำนวน 10 คัน จับกุมได้ภายในบ้านเลขที่ 468 ซอยชานเมือง 2 แขวง/เขต ดินแดง กทม. เมื่อวันที่9ก.พ.เวลาประมาณ 20.00 น. ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ (จักรยานยนต์) ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือรับของโจร
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์จักรยานยนต์เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ในเขตพื้นที่ สน.พญาไท ต่อมาวันที่ 8 ม.ค.ได้รับแจ้งลักทรัพย์จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR สีดำ ในเขตพื้นที่ สน.พญาไทอีก จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุพบคนร้ายจำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.1 และสน.พญาไท จึงร่วมกันทำการสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายอย่างต่อเนื่องจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายพักอาศัยอยู่บริเวณซอยชานเมือง 2 แขวงและเขตดินแดง กทม. จนกระทั่งช่วงค่ำของวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเบาะแสของคนร้ายมาถึงบริเวณบ้านเลขที่ 468 ซอยชานเมือง 2 แขวงและเขตดินแดง พบชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน ทราบชื่อภายหลัง คือ นายพรสวรรค์ สนเม้า หรือต้า และนายเอ (นามสมมติ) ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับหนึ่งในคนร้ายแก๊งดังกล่าวขับขี่จักรยานยนต์คนละคันจึงเรียกให้หยุด พร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่นายพรสวรรค์ได้ทิ้งรถแล้ววิ่งหนีการจับกุมและสามารถหนีการจับกุมไปได้ด้วย ส่วนนายจังกุ๊ก (นามสมมติ) ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องวิ่งไล่ตามจนสามารถควบคุมตัวไว้ได้ ทั้งนี้ ในระหว่างตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบตัวนายพิพัฒน์พงษ์อยู่ในบ้านดังกล่าวด้วย จึงขอทำการตรวจสอบรถของกลางที่จอดอยู่บริเวณบ้านพบว่าเป็นรถที่ถูกแจ้งหายไว้ที่ สน.พญาไท สน.โชคชัย และพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ขณะนั้นนายยอด ขุขันธิน หรือโล้น มีลักษณะคล้ายผู้ต้องหาร่วมแก๊งอีกรายได้ขับขี่รถผ่านมาที่บ้านดังกล่าวจึงเรียกให้หยุดรถและขอทำการตรวจสอบ ปรากฏว่านายยอดมีใบหน้าคล้ายกับบุคคลตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดจึงได้ทำการจับกุมตัวทั้ง 3 คนสอบสวนที่ กก.สส.บก.น.1
จากการสอบสวนนายพิพัฒน์พงษ์ให้การรับสารภาพว่าพวกตนก่อเหตุลักขโมยจักรยานยนต์มาแล้วกว่า 27 ครั้ง ในพื้นที่ สน.พญาไท จำนวน 3 ครั้ง ซึ่งเป็นรถของตำรวจที่จอดอยู่ลานจอดรถด้านหลัง สน.พญาไท โดยพวกตนจะเลือกเฉพาะจักรยานยนต์รุ่น CBR และ MSX เท่านั้นเนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อได้รถมาแล้วจะนำไปรวมที่บ้านเช่าเลขที่ 468 ซ.ชานเมือง 2 แขวงปและเขตดินแดง เพื่อทำการเปลี่ยนขั้วกุญแจ และเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้นจากของแต่งเป็นสภาพเดิมๆ จากนั้นจะนำรถไปส่งขายต่อนายแบงค์ (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ที่บริเวณลานจอดรถห้างโลตัส สาขาถนนพระราม 4 ในราคาคันละ 5,000-7,000 บาท เมื่อได้เงินมาก็นำมาแบ่งกันคนละครึ่ง โดยตนนำไปให้บิดา ส่วนนายยอดนำไปใช้จ่ายทั่วไปและเที่ยวเตร่
ด้านนายยอดให้การรับสารภาพว่าตนรู้จักกับกลุ่มแก๊งนี้จากการไปแข่งจักรยานยนต์ซิ่ง ก่อนจะชวนกันมาลักรถในหลายพื้นที่ไปขาย เช่น ย่านรามอินทรา และลาดพร้าว สำหรับขั้นตอนการก่อเหตุนั้นพวกตนจะขับขี่และนั่งจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันไปเป็นคู่ แบ่งหน้าที่คนขับและคนลงมือ ออกตระเวนหาจักรยานยนต์ เมื่อพบรถเป้าหมายตนซึ่งทำหน้าที่ลงมือลักรถ และจะตรวจดูว่าเป็นระบบล็อกแบบใดก่อนจะทำการลักรถแล้วหลบหนีไป
