MGR Online - เจ้าของอู่ซ่อมรถโบราณ “สมเด็จช่วง” เดินทางให้ปากคำต่อดีเอสไอ ชี้แจงรายละเอียดทุกขั้นตอน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กันไว้เป็นพยาน
วันนี้ (3 ก.พ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์โบราณย่านเพชรเกษม 114 เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รอง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานรับซ่อมรถยนต์โบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
นายวิชาญกล่าวภายหลังการให้ปากคำว่า ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตนมาในฐานะพยานและเจ้าของอู่ซ่อมรถโบราณ โดยอู่รถของตนได้รับรถยนต์โบราณยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่น W186 ทะเบียน ขม 99 ของ สมเด็จช่วง ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำให้ดำเนินการบูรณะปรับปรุงสภาพรถยนต์โบราณคันนี้พร้อมทั้งยังเป็นผู้จัดหาอะไหล่รถมาให้ทางอู่เอง โดยอู่รถมีหน้าที่ซ่อมและสั่งซื้ออะไหล่บางส่วนที่ทางวัดหาไม่ได้ ซึ่งราคาเบ็ดเสร็จในการซ่อมรถยนต์คันนี้กว่า 1 ล้านบาทเศษ โดยเป็นการปรับปรุงคุณภาพรถเกือบทั้งคัน เช่น ตัวถังรถ งานภายใน ทำสี ฯลฯ โดยเริ่มทำเมื่อปลายปี 2553 และเสร็จปลายปี 2554
“อู่รถของผมจะใช้มือและแม่แรงในการประกอบรถ ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำ และมักพบปัญหาชิ้นส่วนหลายชิ้นเสียหายจึงทำให้มีการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ด้วยการทำขึ้นมาบ้าง หรือสั่งซื้ออะไหล่ที่จำเป็นเข้ามา รวมทั้งรถคันดังกล่าวสามารถใช้ได้แต่เหมือนในอดีต แต่หากจะนำมาใช้วิ่งบนถนนในปัจจุบันคงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเครื่องยนต์รถจะร้อนเกินไปและอาจเบรกไม่อยู่ จึงไม่เหมาะสม” นายวิชาญกล่าว
นายวิชาญกล่าวอีกว่า ตอนที่รับรถคันดังกล่าวมาทำนั้นตนไม่ทราบว่ามีการจดทะเบียนหรือยัง โดยมีหลวงพี่ที่วัดปากน้ำเป็นผู้นำรถมาให้ แต่ไม่ได้บอกว่านำรถคันนี้มาจากไหน เรามีหน้าที่แค่ทำรถ ส่วนเรื่องที่รถคันนี้จะจดประกอบทีหลังหรืออะไรต่างๆ ตรงนี้เราอาจจะรู้หรือไม่ รู้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา เพราะเรามีหน้าที่แค่ซ่อมรถ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุก่อนนำมาส่งซ่อมใช่หรือไม่ นายวิชาญกล่าวว่า รถคันนี้ไม่ใช่รถยนต์ที่เกิดอุบัติตามที่เป็นข่าว แต่เป็นรุ่นเดียวกันแน่นอนกับรถที่เคยเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งคันที่เกิดเหตุอุบัติเหตุตนไม่ทราบในรายละเอียด ทั้งนี้ รถโบราณของสมเด็จช่วงเป็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์ ปี 1953 ซึ่งโมเดลเดิมของรถคันนี้ไม่มีเกียร์ออโตเมติก แต่เมื่อซ่อมแล้วก็ได้เปลี่ยนเป็นเกียร์ออโตเมติก อย่างไรก็ตาม หากประเมินราคารถคันนี้รุ่นนี้แบบต้นตำรับอยู่ที่ราคาประมาณ 6 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นรถของสมเด็จช่วงคันนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท เพราะไม่ใช่อะไหล่เดิมและมีการดัดแปลง
เมื่อถามอีกว่า รถยนต์คันนี้เคยถูกนำมาใช้วิ่งบนถนนหรือไม่ นายวิชาญกล่าวว่า ไม่เคย เพราะเมื่อซ่อมเสร็จแล้วก็เห็นว่าทางวัดได้นำไปจอดไว้ยังพิพิธภัณฑ์ภายในวัดปากน้ำเลย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีวัดไหนมาจ้างให้อู่ของตนซ่อมรถประเภทนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่อู่จะอยู่เป็นกลุ่มที่นิยมสะสมรถโบราณซึ่งเป็นทั้งข้าราชการที่เกษียณแล้ว นักธุรกิจ และนักการเมือง แต่ไม่ค่อยรับลูกค้าทั่วไป
ด้าน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รอง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้เชิญนายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่รถโบราณ บริษัท แอนซีทรานสฟอร์เมอร์ จำกัด เข้ามาให้ปากคำในฐานะพยาน ซึ่งนายวิชาญได้ให้ปากคำที่เป็นประโยชน์อย่างมาก และชี้แจงว่าอู่ดังกล่าวมีหน้าที่ซ่อม ประกอบรถโบราณตามที่มีคนจ้างให้ทำ ไม่ทราบว่ารถดังกล่าวเป็นรถเถื่อนหรือรถถูกกฎหมายหรือไม่ และให้การอีกว่ารถคันที่เป็นปัญหานั้นมีนายพิชัย วีรัสิทธิกุล เจ้าของ หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 162/535 อาคารบางแคคอนโดทาวน์ ชั้น 21 ถนนเพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. และ บ้านพักอยู่ที่ร้านเซ้งเชียงฮวด เลขที่ 155 ซอยปทุมคงคา ถนนทรงสวัสดิ์ แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ กทม. เป็นผู้นำตัวถัง เครื่องยนต์ และอะไหล่อื่นมาให้ทางอู่นำมาประกอบ โดย นายพิชัยได้ประสานมายังดีเอสไอแล้วว่าจะขอเข้ามาพบพนักงานสอบสวนหลังเทศกาลตรุษจีนนี้ แต่ยังไม่ได้ระบุวันและเวลา