MGR Online - พล.ต.อ.พงศพัศ รอง ผบ. ประชุมร่วม จเรตำรวจ พิจารณาร่างกฎ ก.ตร. แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เล็งใช้กฎ ก.ตร แต่งตั้ง รอง ผบก.- สารวัตร ก่อนเพื่อไม่ให้ตกค้าง
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณาร่างกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2559 ว่า ครั้งนี้เป็นการหารือกันอีกครั้งหลังจากได้มอบร่างกฎ ก.ตร. ให้รอง ผบ.ตร. บางคนไปแล้วก่อนนี้ แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับร่างกฎ ก.ตร. วันนี้จึงให้กลับไปดูครบทุกคนแล้ว ให้ทุกคนกลับไปพิจารณาทุกข้อทุกประเด็น และนัดประชุมอีกครั้งในวันจันทร์ ที่ 25 มกราคม เพื่อให้ทุกคนนำเสนอข้อเสนอแนะ ที่เชื่อว่าแต่ละคนก็มีมุมมองแตกต่างกันไป จากนั้นตนจะสรุปประมวลผลจากประชุม รวมข้อเสนอแนะทั้งหมด นำเข้าที่ประชุมคณะอนุ ก.ตร. เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ที่ตนเป็นประธานเอง และมีตัวแทนจากหลายภาคส่วนร่วมเป็นกรรมการ พิจารณา เมื่อถึงขั้นนี้คาดว่าต้องประชุมอย่างน้อย 2 - 3 ครั้ง และคาดว่า เดือนมีนาคมจะเสนอต่อคณะอนุ ก.ตร. กฎหมาย จากนั้นคาดว่าปลายเดือนมีนาคมจะนำเสนอต่อ ก.ตร.
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ร่างกฎ ก.ตร. ยังไม่มีข้อสรุป ยังเปลี่ยนแปลงในรายละเอียด แม้แต่ในวันนี้ก็ยังมีการเสนอว่าควรแก้ไขบางส่วนโดยเฉพาะประเด็นการเยียวยาต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ตนขอชี้แจงว่า หลักการในการเพิ่มและลดระยะเวลาการครองตำแหน่ง ระดับตำแหน่งต่าง ๆ นั้น มีเจตนารมณ์หลักคือ 1. ในตำแหน่งระดับล่างระดับปฏิบัติ และผู้บังคับบัญชาชั้นต้น สารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ ต้องการให้มีพื้นฐานการปฏิบัติงานมากขึ้น ใช้เวลาอยู่กับประชาชน ให้เวลาทำงานจะได้มีประสบการณ์ในการทำงานใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น คนเหล่านี้คนหนุ่ม เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้คนหนุ่มไฟแรงเป็นกำลังสำคัญ กลุ่มนี้จึงเพิ่มจำนวนปี ในการครองตำแหน่งในนานขึ้น 2. กลุ่มชั้นนายพล ที่มีการลดระยะเวลาการครองตำแหน่ง เนื่องจากมองว่ากลุ่มนี้เป็นระดับสั่งการ ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องครองตำแหน่งนาน ถ้านับการครองตำแหน่งแล้วบางคนเป็นนายพลอายุ 50 แล้ว ก็ต้องให้เวลาในการได้เติบโตถึง พล.ต.อ. เพราฉะนั้นเมื่อมีหลักแบบนี้ ทันทีที่เพิ่มเวลาการครองตำแหน่งระดับล่างก็ต้องปรับลดการครองตำแหน่งระดับบนให้สอดคล้องกัน ยืนยันว่า ไม่ใช่การชักบันไดหนี อย่างที่มีการวิจารณ์ ขณะที่เรื่องสัดส่วนอาวุโสในการแต่งตั้ง ตอนนี้สรุปว่าให้ทุกระดับตำแหน่งตั้งแต่ สารวัตร - รอง ผบ.ตร. ต้องพิจารณาสัดส่วนอาวุโสร้อยละ 33 ของตำแหน่งว่าง
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้ได้ตั้งคณะทำงานเพิ่มอีก 2 ชุด คือ 1. ให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เป็นคณะทำงานพิจารณาแนงทางในการก้าวหน้าของพนักงานสอบสวน ให้สอดคล้องกับกฎ ก.ตร. นี้ 2. ตนเป็นหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหาหารบริหารงานบุคคล ในเรื่องการปรับโครงสร้างตำแหน่งระดับรอง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้มีรอง ผบ.ตร. เพียง 4 ตำแหน่ง ผู้ช่วยผบ.ตร. เพียง 8 ตำแหน่ง และกำหนดตำแหน่งระดับ พล.ต.ต.- พล.ต.อ. ประมาณ 60 ตำแหน่ง เพื่อรองรับผู้ที่ไม่สามารถเติบโตในสายงานหลัก โดยต้องกำหนดคุณสมบัติการเลื่อนตำแหน่งให้ชัดเจน
“ที่ประชุมวันนี้ มีการคุยกันว่า หากกระบวนการในการออกกฎ ก.ตร. ฉบับใหม่ ล่าช้าออกไป นานเกินไป อย่างตอนนี้ก็คาดว่าต้องล่วงเลยไปถึงเดือนมีนาคม จึงคุยกันว่าหลังการประชุมรอง ผบ.ตร.- จเรตำรวจแห่งชาติ ในวันนี้ 25 มกราคม จะหยิบเรื่องนี้มาพิจารณากันอีกครั้ง และอาจจะต้องเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้นำกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งฉบับปัจจุบันปี 2549 มาใช้เพื่อแต่งตั้งรอง ผบก.- สารวัตร วาระ 2558 ไปก่อนเพื่อจะได้ไม่ค้างคา โดยเบื้องต้นในปลายเดือนมกราคมนี้ จะมีการประชุม ก.ตร. และจะขอขยายเวลาในการแต่งตั้งรอง ผบก.- สว. วาระ 2558 ออกไปถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ แม้การแต่งตั้งล่าช้าแต่คำสั่งจะมีผลย้อนหลังไป ไม่เสียสิทธิเรื่องการนับวาระแน่นอน ขอให้ข้าราชการตำรวจมั่นใจ อย่างไรก็ตาม ทุกประเด็นจะมีความชัดเจนในวันที่ 25 มกราคมนี้” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว