MGR online - ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญายกฟ้อง “น.ต.ศิธา ธิวารี” อดีตประธานบอร์ด ทอท.พร้อมพวกอีก 3 คน ไม่ผิดคดี บ.ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ ปล่อยทุจริตจัดเก็บเงินค่าจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ ชี้พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนัก
ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (18 ม.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2230/2556 ที่บริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นโจทก์ฟ้อง น.ต.ศิธา ธิวารี อดีตประธานบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ พ.ศ. 2502 กรณีเมื่อเดือน มี.ค.-มิ.ย. 56 จำเลยที่ 1-10 ซึ่งเป็นพนักงานของ ทอท.ได้รู้เรื่องที่พนักงานของบริษัท แฮปปี้มีเดีย จำกัด ได้ยักยอกเงินค่าจอดรถและค่าปรับกรณีบัตรจอดรถสูญหาย แต่กลับยังให้พนักงานของบริษัทดังกล่าวทำหน้าที่ต่อไป ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูลเฉพาะ น.ต.ศิธา ธิวารี อดีตประธาน ทอท., นายพงษ์ศักดิฐ์ เสมสันต์, นางอังคณา ทันตวิวัฒน์นานนท์ และ น.ส.วิไลวรรณ นัดวิไล จำเลยที่ 1, 2, 4 และ 10 ขณะพิจารณาคดี นางอังคณา จำเลยที่ 4 เสียชีวิต จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 4
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานซึ่งเป็นกรรมการเบิกความว่า จำเลยที่ 1, 2 และ 10 ร่วมกันปล่อยให้พนักงาน บ.แฮปปี้มีเดีย เบียดบังยักยอกเงิน โดยไม่ได้ป้องกันการทุจริต ไม่ดำเนินการทางแพ่ง และไม่เรียกเงินชดใช้ตามสัญญาจ้าง โดยโจทก์ได้พบพฤติกรรมของพนักงาน บ.แฮปปี้มีเดียฯ ที่ส่อไปในทางทุจริตเบียดบังยักยอกเงินรายได้ค่าบริการที่จอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้ทำหนังสือหลายครั้งแจ้งถึงพวกจำเลย ซึ่งเป็นกรรมการ ทอท. มีหน้าที่เป็นผู้ป้องกันการทุจริตและควบคุมการเก็บเงินของ บ.แฮปปี้มีเดียฯ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อให้เรียกปรับเงินตามสัญญาจ้าง และเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2556 ได้ส่งข้อมูลการทุจริตเป็นภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ และข้อมูลจากฐานคอมพิวเตอร์ที่ระบุการล้างข้อมูลบัตรจอดรถถึงจำเลยที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการ ทอท. โดยโจทก์มีพยานเพียงปากเดียว ไม่มีหลักฐานอื่นมาประกอบ เพื่อให้มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยที่1,2 และ 10 มีพฤติกรรมดังกล่าวอย่างไร
ขณะที่ทางนำสืบของจำเลยกลับปรากฏข้อเท็จจริงว่า ทอท.ได้มีการติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ตรวจสอบการเก็บค่าบริการจอดรถ ซึ่งระบบดังกล่าวจะบันทึกรายได้ทันทีเมื่อมีรถออกจากลานจอดรถ นอกจากนี้ ทอท.ยังได้ว่าจ้างให้บริษัทอื่นตรวจสอบเงินรายได้ค่าบริการจอดรถ นำเงินฝากเข้าบัญชี ทอท. ทำหนังสือส่งยอดเงินฝาก และรายงานรายได้ค่าบริการจอดรถทุกวัน รวมทั้งทาง ทอท.มีกรรมการตรวจสอบเงินรายได้ทุกวันเช่นกัน เมื่อพนักงานพัสดุให้โจทก์แจ้งข้อเท็จจริงการทุจริต เพื่อที่บริษัทจะได้ตรวจสอบและดำเนินคดี โดยนายพงษ์ศักดิฐ์ จำเลยที่ 2เป็นผู้สั่งให้ตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริงจากทางนำสืบจึงแสดงให้เห็นว่า ทอท.ได้ควบคุมป้องกันการทุจริตและตรวจสอบการเก็บค่าบริการจอดรถ โดยติดตั้งระบบตรวจสอบการเก็บเงิน และทำสัญญาจ้างบริษัทเก็บค่าบริการจอดรถ มีหลักฐานการฝากเงิน และรายงานให้กรรมการตรวจสอบการว่าจ้างทุกวัน ถือว่า ทอท.ได้ดำเนินการจัดทำระบบเก็บเงิน เพื่อป้องกันการทุจริตแล้ว
พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำผิด จึงพิพากษายกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ น.ต.ศิธา อดีตประธาน ทอท. จำเลยที่ 1, นายพงษ์ศักดิฐ์ จำเลยที่ 2 และ น.ส.วิไลวรรณ จำเลยที่ 10 เดินทางมาศาล ซึ่งมีพนักงาน ทอท.และคนใกล้ชิดเดินทางมาให้กำลังใจ