xs
xsm
sm
md
lg

“จูดี้”ตีกรรเชียง 20 ม.ค.ไม่ฟันธงกฎ ก.ตร.ใหม่จะผ่านหรือไม่ - เชื่อกลัว “ตำรวจฟ้องตำรวจ”แถมรอบนี้อาจเจอคดีอาญามาตรา 157

เผยแพร่:   โดย: นพรัตน์


เรื่องดัง - ข่าวเด็ด /เขย่าสีกากีโดย “บิ๊กเกรียน”

เผยสาแหรก “บิ๊กแป๊ะ”เปิดซิงผู้การสนามบินสุวรรณภูมิ เข้าระบอบ “ทักษิณ”ในยุคแรกก่อนถีบตัวด้วยอิทธิฤทธิ์ “ศรีปทุมคอนเน็กชั่น”อาศัยครอบครัวเมียช่วยผลักดันเข้าเครือข่าย “สรอรรถ -เนวิน”จนได้ขึ้นบัลลังก์ทอง / จับตาภัยก่อการร้าย จากกรุงอิสตันบลู ตุรกีสู่ร้านกาแฟสตาร์บั๊ค เมืองอิเหนา “ลือแซ่ด”ไทยแลนด์ให้ระวังช่วงตรุษจีน - วาเลนไทน์

คำคมขงจื้อ “ข้าพเจ้าไม่กลัวไม่มีตำแหน่ง กลัวแต่ไม่มีความสามารถในการดำรงตำแหน่ง”....สวัสดีครับ “บิ๊กเกรียน”ขอรายงานตัวท่ามกลางบรรยากาศการบ้านการเมืองไม่ค่อยปกติ แถมกลิ่นอายก่อการร้ายในระดับโลก เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบไม่เว้นแต่ละวัน.....

00000.....20 ม.ค.2559 รู้หมู่รู้จ่า แต่จับยามสามตา “จูดี้”ผู้มีจุดยืนชัดเจนคืออำนาจอยู่ตรงไหนกูไปทางนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.ฝ่ายฝากบ้านกับตำรวจ “แบะท่า”ให้ข่าวในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ฉบับเจ้าปัญหาว่าอาจจะยังไม่มีการพิจาณาในเรื่องนี้...ประสา “กระจอกข่าวเหลาเหย่”วงในสีกากีกระซิบมาว่า “จูดี้”ก็ธรรมดาที่ไหน ผ่านศึกเหนือเสือใต้มาอย่างโชกโชน ไฉนจะยอมเป็นหนังหน้าไฟให้ “น้องนุ่ง”มาหลอกใช้กันง่ายๆ...ไม่ใช้เปล่ายังอาจถูกฟ้องหลังเกษียณฯ สู้เตะถีบ - ติ๊ดชึ่งๆไปเรื่อยๆน่าจะดีกว่า....ว่าก็ว่านาทีนี้ไม่มีใครกลัวใคร “ผู้มีอำนาจ”รู้จุดอ่อนตำรวจ บี้ซ้ายบี้ขวาเรื่องบ่อน ซ่อง อบายมุขแต่เมื่อหมดสิ่งนี้แล้วยังคิดจะ “ขี่”ต้มยำทำแกงราวตำรวจไม่มีหัวใจ...ขอโทษ “หมาแมวจนตรอก”มันยังแว้งสู้....

00000.....แม้ธรรมชาติตำรวจ(ไทย)จะถือคติ อ.ตร.เอาตัวรอด แถมขี้ปอด หลายคนเข้าขั้น “คดในข้อ งอในกระดูก” ใครโยนชิ้นเนื้อปลามันให้หน่อยก็ “เปี๋ยนไป๋”เหมือนกับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)บางคนในเวลานี้...ต่อหน้าลูกน้องทำฟึดฟัดฮึดฮัด พอเข้าห้องประชุมปะหน้า “ปู่ป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯกุมมือ “ป้องไข่”กันเป็นแถว...แต่ก็เหอะ “นายไม่สู้”ลูกน้องก็สู้ แค่สายสอบสวนวันนี้ทนต่อไปไม่ไหวลงชื่อเป็นหางว่าวร่างหนังสือขู่ฟ่อๆต่อไปนี้ไม่ฟ้องศาลปกครองอย่างเดียวแล้ว กะล่อให้เป็นคดีอาญาตามมาตรา 157 เอาให้ตายกันไปข้างเพราะกี่ครั้งกี่หนฟ้องเท่าไหร่ “เจ้านาย”ก็ทำหน้าทน “หนังหนา”ส่อพฤติกรรมทำชั่วแบบซ้ำซาก ถึงตรงนี้ “บิ๊กเกรียน”ฝากความสมเพทไปยังอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ ฝ่ายอุทธรณ์ และวินัย (บางคน) ถามจริง พวกท่านไม่ละอายกันบ้างหรือ กฎระเบียบมันเขียนกันอย่างชัดเจนแต่เพื่อสนองตัณหาผู้มีอำนาจท่านก็ดีครับนาย เหมาะสมครับท่าน ถูกต้องครับพี่....ลาก- ถู-แถ กฎระเบียบพากันลงเหวลงห้วยเพียงแค่ให้ฝ่ายหนึ่งสมประสงค์....ต่อมาพอถูกฟ้องร้อง ไอ้-อี หน้าไหนเคยชนะบ้าง มันถึงต้องล่อให้เป็นเยี่ยงอย่างด้วยคดีอาญาไง.....

00000.....กลับไปที่คำคมขงจื้อ “ข้าพเจ้าไม่กลัวไม่มีตำแหน่ง กลัวแต่ไม่มีความสามารถในการดำรงตำแหน่ง”...ฮะฮ้าไม่รู้ใครจะ “หน้าชา”กันบ้าง แต่ยุคนี้คงไม่มีมั้ง....เพราะยุค “คืนความสุข”เห็นมีแต่พวกกลัวไม่ได้ตำแหน่ง.. 5555 !!“บิ๊กเกรียน”กลับหลังหันตอนเข้ามาเป็นนักข่าวอาชญากรรมใหม่ๆ สมัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรมตำรวจ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังแบ่งเขตรับผิดชอบเป็น บก.น.เหนือ บก.น.ใต้ และบก.น.ธน มีเพียงแค่ 3 กองบังคับการต่างจากปัจจุบันที่มีมากถึง 9 กองบังคับการ....สมัยนั้นมีม็อตโต้ตำรวจนครบาลทำนองว่า “งานเหนือ -เงินใต้ -สบายธนฯ”หมายความว่าคดีต่างๆเกิดขึ้นมากในพื้นที่ บก.น.เหนือ ส่วน บก.น.ใต้แม้จะมีคดีไม่ยิ่งหย่อนกันแต่มีพื้นที่เศรษฐกิจสามารถเก็บเกี่ยวหาผลประโยชน์ได้มากกว่า ขณะที่ บก.น.ธนฯพื้นที่ส่วนหนึ่งเกือบครึ่งเป็นสวนเช่น สน.บางมด สน.บางขุนเทียน สน.ตลิ่งชัน สน.บางพลัด โรงพักบางแห่งเป็นนักข่าวตระเวนมานานเกือบ 10 ปีแต่ไม่เคยเกิดคดีและไม่เคยไปเช่น สน.ศาลาแดง หรือ สน.ทุ่งครุ เป็นต้น......

00000.....ยุคนั้นตำรวจทุ่มเทแข่งกันทำงาน เรื่องเส้นสายมันมีกันทุกยุคแต่เขากระมิดกระเมี้ยนไม่ทำกันโจ๋งครึ่ม ตำรวจสมัยนั้นอาจจะไม่หน้าด้านเหมือนกับสมัยนี้ หรือแม้จะมีเส้นแต่ก็ต้องมีฝีมือไม่ทางใดก็ต้องทางหนึ่ง การทำงานของฝ่ายสืบสวนมีรองผู้การบางคน ผกก.บางคน ตลอดจนสารวัตร-รองสารวัตร ต้องเทียวไป “ซุ้มโป่ง”นั่งเฝ้านอนเฝ้าจุดเพื่อติดตามคนร้าย สมัยนั้นแม้แต่การดักฟังโทรศัพท์ก็ต้องอาศัยความคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่องค์การฯ ถูกกฎหมายบ้าง ผิดกฎหมายบ้างแต่เขาทำงานกันอย่างจริงจัง รู้สึกเป็นศัตรูกับโจร รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ รู้สึกเจ็บปวดร่วมกับประชาชน....จนบ้างครั้งต้องเสี่ยง “อุ้ม”พวกโจร 500 มาทำวิสามัญฆาตกรรมมั่ง ลากคอเข้าคุกมั่งแล้วแต่ความหนักเบาของคดี และความซวยของบรรดาก๊วนอาชญากรทั้งหลาย...หลักคิดอีกมุมของการ “วิสามัญฆาตกรรม”ก็คือถ้าไม่พลาดคุณได้ขั้น แต่พลาดคุณติดคุก บางคนชอบใจ บางคนไม่เอาด้วยบอกรุนแรงและเป็นศาลเตี้ยแต่ตำรวจเหล่านั้นหลายคนก็ยังอยู่ในความประทับใจของนักข่าวอาชญากรรมแก่ๆ....

00000.....ผลของการทำงานแล้วได้ดี ตำรวจที่ได้รับการสนับสนุนจะต้องทำงานและมีผลงาน วัฒนะธรรมเหล่านี้ซึมซับมาได้ระยะหนึ่งก็ถูกระบบอุปถัมภ์ทำลายไปอย่างสิ้นเชิง “ผลประโยชน์ -อำนาจ -การเมือง”ที่สุดตำรวจน้ำดี หรือตำรวจคนทำงานกลายเป็นไอ้ห้อยไอ้โหนติดตามผู้มีอำนาจ....ยุคสมัยเปลี่ยนบัดนี้พี่น้องประชาชนคนไทยเห็นตำรวจทำอะไรกันบ้างนอกจากออกใบสั่ง หาเงินจากเปอร์เซ็นต์ค่าปรับ เรื่องการปราบปรามโจรผู้ร้าย โจรฉกชิงวิ่งราวทรัพย์ โจรลักขโมย หรือแม้แต่คดีสำคัญๆก็มักมีปัญหา เกิดการร้องเรียนเพราะวิธีการสืบสวน-สอบสวนไม่โปร่งใส...ผลพวงจากการรับใช้ผู้มีอำนาจทั้งนักการเมือง หรือ ท ทหารในยุคประชาธิปไตย “ส้มตำ”การเล่นรุ่น เล่นพรรคเล่นพวก ให้สิทธิพิเศษคนใกล้ตัว วัฒนะธรรม “เลวๆ”เหล่านี้จึงกลายเป็นเบ้าหลอม สร้างพิมพ์นิยมอย่างผิดเพี้ยน ตำรวจที่จะอนาคตไกลต้องดูอย่างผู้ที่ประสบความสำเร็จในช่วง 8 -14 ปีที่ผ่านมาคือช่วงรัฐตำรวจโดย “ทักษิณ ชินวัตร”.....

00000.....วันนี้ผู้มีอำนาจต้องการสลายขั้ว “ทักษิณ”ในองค์กรสีกากีที่ปลูกราก-ฝังลึกมาเป็นเวลานานด้วยวิธีเดิมๆ คือเอาคนที่ตัวเองไว้วางใจเข้าไปแทน ...แต่.....ท่านผู้มีอำนาจสีเขียวรู้ไหมว่า สังคมตำรวจต่างกับสังคมทหารอย่างสิ้นเชิง “ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน”แม้ไม่ใช่คำขวัญแต่พฤติกรรมในอดีตและปัจจุบันมันบ่งบอก...ตำรวจหลายคนที่ได้ดิบได้ดี ใกล้ชิดบ้านใหญ่ซอยโชคชัย 4 ลองตรวจปูมหลังกันดูใครเคยเป็น ”เด็กแม้ว”กันบ้าง ไม่เว้น “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. “น้องเลิฟ” ปู่ป้อม ก็ยังเคยยอมรับว่าได้ตำแหน่งผู้การสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นคนแรกด้วยความเมตตาของ “ทักษิณ ชินวัตร ผสมเส้นทาง “ศรีปทุมคอนเน็กชั่น” ดร.สุข พุดยาภรณ์ พ่อตาอดีตสมาชิกพรรคชาติไทย บวกเสี่ย ชาติชาย พุดยาภรณ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย อดีตผู้ช่วยนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ รมต.ประจำสำนักนายกฯและอดีต รมช.เกษตรฯปี 2552 ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...แค่ “เสี่ยชาติชาย”เป็นน้องชายน้องคุณนายบุษบา พุดยาภรณ์ (ชัยจินดา)ยังไม่พอ ครอบครัว “พุดยาภรณ์”ยังถือเป็นทุนการเมืองที่เก็บหลบอยู่หลังฉาก มีสายสัมพันธ์อันดีกับก๊วนสรอรรถ กลิ่นปทุม -เนวิน ชิดชอบ 2 นักการเมืองค่ายภูมิใจไทย....พ่อแม่พี่น้องเอ๋ย เกมขึ้นสู่อำนาจ อันนำมาซึ่งผลประโยชน์มันสลับซับซ้อนยิ่งนัก......ตัดพวกขาใหญ่ “ตำรวจการเมือง”ออกไป หนทางเดียวที่จะกุมหัวใจเหล่าสีกากีอีกกว่า 2 แสนให้ได้ก็คือความยุติธรรม ให้สิทธ์และศักดิ์ศรีกับทุกคนแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง หยุดวิธี “ข่มขืนโคให้กินหญ้า”อย่างที่ทำกันอยู่ เพราะมันไม่ได้ผลนะปู่ป้อมนะ

00000.....อื่ม!!??..”ศึกใน”ยังไม่สงบ “ศึกนอก”ก่อเค้าทะมึนน่าวิตกยิ่งนัก 12 ม.ค.2559 ไอเอสโชว์ศักยภาพลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งกลางกรุงอิสตันบูล ตุรกี มีผุ้เสียชีวิตนับ 10ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ถัดมาอีก 2 วันเป้าหมายคือร้านสตาร์บัค กรุงจากาต้า อินโดนีเชีย มีระเบิดพลีชีพแถมด้วยการระดมยิงใส่ผู้บริสุทธิ์ ผลตาย 7 ร้านกาแฟชื่อดังอเมริกันชน ปิดหมดทั้งประเทศ...”มองเขา”แล้วต้องกลับมา”มองเรา” การข่าว-ฝ่ายความมั่นคงยังทำงานแข็งขันกันนะ “บิ๊กเกรียน”ฝากเตือนอย่าประมาท เทศกาลตรุษจีน - วันแห่งความรัก ในเดือนหน้า “จัดเต็ม-จัดหนัก”อย่าให้คลาดสายตา.....

00000.....นี่ก็อีกเรื่อง ทางการไทยชิงตัดหน้าออกข่าวหวังสหรัฐฯขยับ “ใบแดง”ให้เป็น “ใบเหลือง”กรณีขบวนการค้ามนุษย์ที่ประเทศไทยยังถูกตรึงด้วยเทียร์ 3 แม้แต่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังลงมาเล่นหวังช่วยกู้หน้าให้ชาวโลกมองเห็นความตั้งใจ แต่กรแสข่าวจาก “นอกประเทศ”โหมกระหน่ำรุนแรงเหลือเกิน คนไทยอาจไม่รู้ ชาวไทยส่วนใหญ่อาจไม่เห็น แต่ชาวโลกซึมซับจากข่าวเชิงสารคดีแทบทุกวัน “บิ๊กเกรียน”มีโอกาสเห็นตามเว็บฯบอกได้คำเดียวมันคือสารคดีทำลายล้างประเทศไทยชัดๆ แถมด้วยกรณีพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ นายตำรวจระดับสูงในฐานะอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ยังต้านอิทธิพลมืดไม่ได้ต้องขอลี้ภัยไปยังออสเตรเลีย เรื่องราวแบบนี้มีแต่จะสร้างความชอบธรรม สร้างความเชื่อให้กับฝรั่งตาน้ำข้าว แม้ทางการไทยจะตั้งใจจริงอย่างไรแต่ชะตากรรมข้างหน้าบอกได้คำเดียวว่า “ลำบาก”.....

0000.....ไหนๆ ก็ไหน ๆ มีข้อมูลการค้ามนุษย์ที่น่าสนใจระบุว่าเริ่มอย่างเป็นเรื่องราวเมื่อปี 2545 มีชาวโรงฮินจาเดินทางเข้าประเทศไทย ปีละ 3,000 - 5,000 คน ระหว่างปี 2550 - 2552 จำนวนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากความไม่สงบในพม่าและขบวนการค้ามนุษย์มีแรงจูงใจมากขึ้น ปี 2555 ยอดทะลักเป็นพิเศษเนื่องจากความรุนแรงและนายหน้ามีข้อเสนอว่าไม่จำเป็นต้องชำระค่าเดินทางโดยใช้เรือประมงดัดแปลงเป็นพาหนะหลบหนีเข้าเมือง มีตัวเลขประมาณการถึง 35,000 คน ปี 2556 เพิ่มอีกเป็น 50,000คน ปี 2557 เป็น 80,000 คน ส่วนตัวเลขเงินหมุนเวียนในขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจาช่วงแรกคือปี 2545 ตกที่ 7,000 บาท - 10,000 บาทต่อหัว ปี 2550 -2552มียอดเงินการค้ามนุษย์ขยับขึ้นจากปีละ 50 ล้านเป็น 750 ล้านมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ปี 2553 -2558ราคาค่าหัวโรฮีนจาดีดขึ้นมาเป็น 70,000 - 120,000 บาทต่อคนต่อหัว หากคิดคร่าวๆคือใน 1 ปีมีจำนวนชาวโรฮีนจาอพยพราว 35,000 คนถัวเฉลี่ยค่าหัว 100,000 บาทเอาคูณเข้าไปจะได้ตัวเลขมหึมาถึง 3.5 พันล้านบาท.....เข้ากระเป๋าใครกันบ้างอีกไม่นานคงมีคนออกมาแฉ

00000.....พูดถึงตำรวจมือปราบยุคเก่ากับตำรวจ “มือแป”ยุคใหม่ช่วงท้ายของ “เรื่องดัง -ข่าวเด็ด”ขออนุญาตนำเรื่องราวของนายตำรวจใหญ่อันเป็นตำนานสุดยอดนักสืบ -มือปราบ มาให้คุณผู้อ่านและตำรวจ “น้ำดี”ผู้มีจิตวิญญาณพิทักษ์สันติราษฎร์ได้ติดตามกัน หากถอยหลังไป 30 ปีไม่มีใครไม่รู้จัก “มือปราบนักแม่นปืน”พล.ต.ต.อมร ยุกตะนันทน์ นายตำรวจท่านนี้คือแบบฉบับ “นักสืบ -มือปราบ”ผ่านคดีสำคัญมาอย่างโชกโชน และทำงานด้านสืบสวนรับผิดชอบกองบังคับการตำรวจพระนครบาลใต้ มาโดยตลอด......คนรุ่นหลังอาจมีคำถามว่าขอบเขตของ “บก.น.ใต้”มันอยู่ตรงไหนล่ะ “บิ๊กเกรียน”บอกให้เห็นภาพง่ายๆคือพื้นที่ บก.น.5 บก.น.6 ในปัจจุบันนี่แหละ หากระบุโรงพักไปเลยก็คือ สน.ปทุมวัน -บางรัก -ยานนาวา-ลุมพินี -คลองตัน-พระโขนง -บางนา -อุดมสุข -ประเวศ ประมาณนี้...

00000.....ผลงานของท่านเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์คือการวิสามัญฆาตกรรมแก๊งมือปืน-แก๊งมิจฉาชีพ และการคลี่คลายคดีอุกอาจสะเทือนขวัญเช่นแก๊งนายเฉาหยง แซ่หวังจีนฮ่อค้ายาเสพติดจับพรรคพวกไปเป็นตัวประกันก่อนฆ่าตัดคอเหตุเกิดปี 2530 ตำรวจตามจับได้ยกแก๊ง และต่อมามีการแก้แค้นยิงกันตายกลางกรุงอีก 3 ศพ -คดีจับตายเสือแมน รอดประเสริฐ “มือปืน 100 ศพ”เมื่อปี 2515 คดีฆ่าหั่นศพ ด.ญ.นวลปราง บุนนาค โดยฝีมือ “ไอ้หยอง”นายผยอง แสนทวี เป็นคดีครึกโครมเมื่อปี 2526 ....วีรกรรมที่ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เคยลืมคือการปิดล้มบุกจับคนร้ายคดีปล้นทรัพย์บริเวณลานจอดรถข้างโรงเรียนพาณิชยการธนบุรี คนร้ายเกิดไหวใช้ปืนยิงเปิดทางก่อนขับรถฝ่าตำรวจออกมา พล.ต.ต.อมร ยุกตะนันทน์ กระโดดขวางยืนประจันหน้ายิงกันราวกับหนังฮอลลีวู๊ด ผลจับคนร้ายได้ทั้งหมด 6 คน....ไม่ใช่ จะเก่งฉกาจในปราบปรามเท่านั้นแต่ยังมีความสามารถด้านกีฬายิงปืนหาคนจับยาก เคยเข้าร่วมแข่งขันในระดับอาเซียน เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ถึง 3 ครั้งได้เหรียญรางวัลมากมาย หลังเกษียณรายุราชการไปนานหลายปีแล้วแต่ผลงานด้านกีฬายังติดตาตรึงใจคนรุ่นหลังอยู่ วันที่ 6 มี.ค.2554 สยามกีฬาอะวอร์ดได้มอบรางวัลนักกีฬาเกียรติยศในฐานะผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ วันที่ 10 ต.ค.2558 พล.ต.ต.อมร ยุกตะนันทน์ สิ้นลมหายใจอย่างสงบหลังจากต่อสู้กับผลกระทบจากการกินยานอนหลับมาตลอดชีวิตจนทำให้เกิดผลข้างเคียง และวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค.เวลา 15.00 น.จะมีงานพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดตรีทศเทพ เขตพระนคร กทม.ทางเจ้าภาพฝาก “บิ๊กเกรียน”เรียนเชิญเพื่อนพ้องน้องพี่แวดวงข่าวอาชญากรรมร่วมส่ง “ปู่อมร”มือปราบในตำนานสู่สรวงสวรรค์
ถูกใจความคิดเห็น
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น