xs
xsm
sm
md
lg

รวบแก๊งสวมบัตร ปชช.รายใหญ่ ปลัดอำเภอสังคมเข้าปิ้งด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
MGR Online - กองปราบฯ รวบแก๊งสวมบัตรประชานรายใหญ่ มีทั้งคนไทย จีน พม่า ร่วมแก๊ง รับเป็นนายหน้าเดินเรื่องทำบัตรประชาชนให้ผู้ต้องหาหนีคดี หรือคนต่างชาติที่ต้องการทำงานในไทย โดยนำชื่อคนตาย-หายสาบสูญมาสวมแทน ระบุ อ.สังคม หนองคาย แหล่งใหญ่ ปลัดอำเภอตัวการโดนจับกุมแล้ว

วันนี้ (8 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.อรุณ วิชรศรีสุกัญยา รักษาการ ผกก.2 บก.ป. ร่วมแถลงข่าวจับกุมแก๊งปลอมแปลงบัตรประชาชนรายใหญ่ ประกอบด้วย นางวรรณา หรือ เจ๊นาง พานิชเจริญ อายุ 55 ปี นายหรอด มาลาศรี , นางอุบล สียางนอก , นางพนิดา ตะวงศา , นางอำพร บุดสี , นายสอน บุดสี , นายสำราญ สมจันทร์ , นางทองจันทร์ เพ็งสมภาร , นางเมต เย็นเสนาะ , นางโสภา โสดา และนางหนูกาย วุฒิสิงห์ ตามหมายจับร่วมกันปลอมแปลงเอกสารทางราชการ คือ บัตรประชาชน และแจ้งความเป็นเท็จอันต่อเจ้าพนักงาน นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาที่สวมบัตรประชาชนของผู้อื่น มีทั้งชาวจีนและชาวพม่า อีก 6 ราย

จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีคดีติดตัว ได้แก่ นายเฉิน หยง หลิน สวมบัตรในชื่อ นายบรรดา ตะวงษา จับกุมได้ที่ อ.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ , นางจินชุน แซ่ฉั่ว สวมบัตรในชื่อ น.ส.ปิยะนุช ผิวเหลือง เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ กก. 3 บก.ป., น.ส.เฟิน หลิน หวัง สวมบัตรในชื่อ น.ส.สุพัฒการา เพ็งสมภาร จับได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น, น.ส.คำข่อง ไม่มีนามสกุล สวมบัตรในชื่อ น.ส. มะลิวัล ตองอ่อน จับได้ที่ จ.สมุทรปราการ และ น.ส.โบว์ ยังไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล สวมบัตรในชื่อ น.ส.บุญสี ตะวงษา จับได้ที่ จ.ชลบุรี รวมทั้งนายเกียรติศักดิ์ ไชยวัณณ์ สวมบัตรในชื่อ นายสมจิตร วรรัตน์ จับได้ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งนายเกียรติศักดิ์ ไชยวัณณ์ ผู้ต้องหาในคดีความผิดเกี่ยวกับปลอมแปลงเอกสาร ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 449/2557 ลงวันที่ 30 ก.ย. และมีการเปลี่ยนชื่อเป็นนายสมจิตร วรรัตน์ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2557

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พ.ย.2558 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ได้จับกุมนายดุสิต เลิศพงศ์ไพศาล ชาว จ.สงขลา ในข้อหาหลบหนีระหว่างถูกคุมขังตามอำนาจศาล ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แต่ภายหลังออกไปบำเพ็ญประโยชน์แล้วก็หลบหนีไปจากการควบคุมของเรือนจำ จ.ระยอง ปรากฏว่าไปใช่ชื่อเป็นบัตรประชาชนของนายสุรพงษ์ เขื่อนปัญญา อายุ 25 ปี ชาว จ.หนองคาย ซึ่งนายสุรพงษ์นั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงเร่งสืบสวนขยายผลการดำเนินคดีและสืบทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้กระทำกันเป็นขบวนการ มีการสวมบัตรให้บุคคลหลายกลุ่ม มีทั้งผู้ต้องหาโทษทางคดีอาญา รวมถึงบุคคลต่างด้าวที่ต้องการมีบัตรประชาชนเป็นคนไทย โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกระทำความผิด ส่วนมากจะพบที่ อ.สังคม จ.หนองคาย จึงสั่งการให้ทาง บก.ป.ร่วมกับ บก.ปคม.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งขยายผลกวาดล้างให้ได้ทั้งขบวนการ

ด้าน พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวว่า คดีนี้ได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ทั้งหมด 23 ราย จับกุมแล้ว 21 ราย ขณะนี้ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำ 3 ราย คือ นายสายัญ โสดา , นายชนะ ตั้งศิวิไลพร , นายดุสิต เลิศพงศ์ไพศาล พร้อมกันนี้ก็ยังได้จับกุมและดำเนินคดีนายกนกพงศ์ ทองจำปา ปลัดอำเภอสังคม จ.หนองคาย ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2581/2558 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2558 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อกระทำการในตำแหน่งโดยมิชอบ , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด , เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความในเอกสาร กระทำการรับรองเอกสารที่มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ , ร่วมกันทำ ใช้ หรือแสดงหลักฐานเท็จเพื่อให้ผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนบ้านหรือเอกสารทางทะเบียนราษฎร์โดยมิชอบ และเป็นเจ้าหน้าที่เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินโดยมิชอบเพื่อกระทำการมิชอบด้วยหน้าที่ นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วอีก 2 ราย

จากการสืบสวนสอบสวน พบว่าขบวนการนี้มีนางวรรณา หรือเจ๊นาง เป็นนายหน้าคอยติดต่อผู้ที่ต้องการมีบัตรประชาชน โดยการสวมบัตรประชาชนของผู้อื่น แต่ละคนจะมีค่าใช้จ่ายรายละ 3-5 แสนบาท ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือส่วนใหญ่เป็นผู้รับรองบุคคล ที่จะต้องการจะทำบัตร ซึ่งจะ ได้ค่าตอบแทนรายละ 1-2 หมื่นบาท โดยผู้ที่มีอำนาจในการดำเนินการ คือ นายกนกพงศ์ ปลัดอำเภอสังคม

สอบสวน นายหรอด ให้การว่า นางวรรณา เป็นผู้มาติดต่อกับชาวบ้านในพื้นที่ อ.สังคม เพื่อติดต่อสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านเกี่ยวกับบุคคลที่เสียชีวิตหรือสูญหายไป เพื่อขอจัดทำเอกสารสำหรับขอออกบัตรประชาชนใหม่ ซึ่งมีการจ่ายเงินให้รายละ 1-2 หมื่นบาท ส่วนตน เป็นผู้คอยดำเนินการและบอกต่อๆ กับชาวบ้าน พร้อมกับยังรับรองเอกสารด้วยก็จะได้ถึง 5 หมื่นบาท

ส่วน นางหนูกาย กล่าวว่า มีการมาขอเอกสารจากลูกของอดีตสามี ที่เป็นบุคคลหายสาบสูญ และให้รับรองเอกสารให้กับนางวรรณา แต่ยืนยันว่าไม่ทราบมาก่อน ว่าจะถูกนำไปออกบัตรประชาชนใหม่ โดยการสวมชื่อของบุคคลที่สูญหาย

ทั้งนี้สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกส่งตัวให้พนักงานสอบสวนของกองปราบปรามดำเนินคดี ส่วนที่เหลือก็จะได้เร่งสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อขยายผลการจับกุม เพราะเชื่อว่ายังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการออกบัตรประชาชนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคนต่างชาติที่ต้องการมีบัตรประชนของไทย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนที่มีความต้องการจะเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะเข้ามาทำงานเป็นไกด์ หรืออาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง บางรายก็ต้องการมีสิทธ์ในการทำธุรกรรมต่างๆเช่น ซื้อบ้าน หรือที่ดิน และการลงทุนต่าง จึงทำให้ลงทุนว่าจ้างสูงถึงหลักแสนบาท




 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น