นายกรัฐมนตรีวอนอย่าเพิ่งสรุปเหตุระเบิดราชประสงค์ แย้มหาวิธีการตรวจสอบนอกช่องทาง รวมทั้งเช็กการเช่าห้องพัก แจงออกหมายจับเพิ่ม 2 ราย พบในกล้อง ยันผู้ต้องสงสัยรายแรกพิสูจน์สัญชาติอยู่ แต่ยังชี้ไม่ได้ว่าเป็นมือระเบิดหรือไม่ เตือนสื่ออย่าไปถ่ายพยาน อันตรายกับเขา หนำซ้ำอย่าทำให้วัตถุพยานสูญหายเพราะอยากได้ข่าว และอย่าไปทะเลาะกับตำรวจ พบ “สมยศ” ดอดถกความคืบหน้า
วันนี้ (31 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ว่า ก็มีความคืบหน้าไม่ได้คืบหลัง มีการหาความเชื่อมโยงได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบด้วย คนหลายกลุ่มหลายฝ่าย แต่ทั้งหมดต้องใช้การสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานที่เป็นพยานบุคคล กับวัตถุพยาน ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าเพิ่งไปลงความเห็นว่า เป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมันมีคนหลายกลุ่มด้วยกันที่เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้ ฉะนั้น ต้องหาใครบ้างเป็นคนบงการ หรือทำเอง หรือทำเรื่องที่มันกว้างกว่าในประเทศทำนองนี้ มันต้องเอาทุกอย่างมา
“อย่าเพิ่งไปสรุป การประเมินนี่ประเมินนู่น ในเรื่องที่เป็นเรื่องของความมั่นคง มันค่อนข้างจะอันตราย เรื่องนี้เราต้องทำให้ยุติ ปัญหาคืออยากให้ทุกคนแสดงให้เห็นว่ายังมีคนเหล่านี้อยู่ในประเทศไทย มีการจัดหาระเบิด จัดหาหาอะไรได้ในประเทศไทย นี่คือ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เรื่องนี้มากกว่ามันจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดน เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ เขาก็ดูแล แต่อย่าลืมว่าคนเหล่านี้จะไม่เข้าช่องทาง จะข้ามไป ข้ามมานอกช่องทาง ตรงนี้จะทำอย่างไรต้องหาวิธีการ และผมเห็นว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องเช็กการเช่าห้อง บางทีเช่ามาไม่รู้ใคร ถามว่ามีประวัติหรือไม่ ก็ไม่มี คือง่าย ๆ เจ้าของสถานที่ก็โอเค เอา ซึ่งปกติแล้วที่ไหนก็ตาม ถ้ามีเรื่องขึ้นมา เขาเช็กได้หมด แต่นี่ถามมีแต่ชื่อ บัตรประชาชนก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี ต้องเริ่มจากตรงนี้ เจ้าของกิจการบ้านเช่า อะไรต่าง ๆ ก็แล้วแต่ ต้องมีที่ไปที่มา และเรื่องการทำผิดกฎหมาย ถ้าใครรู้อย่าไปคิดว่ากลัว ขอให้แจ้งมาเดี๋ยวเรามีวิธีการปกป้องพยานอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนเวลาถ่ายภาพอย่าไปถ่ายพยาน เพราะถ้าถ่ายกันมาก ๆ พยานเขาก็กลัววันหน้าใครจะไปดูแลเขา ฉะนั้น ต้องระมัดระวังการถ่ายรูปเผยแพร่ในสื่อ ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถอะไรต่าง ๆ มันอันตรายกับเขาทั้งนั้น ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่บางคนไม่เข้าใจอีก ซึ่งตนได้ย้ำไปแล้วทั้งทางตำรวจและทหาร และการทำงานครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันของรัฐบาล โดยทหารและตำรวจ ซึ่งทหารจะทำคนเดียวไม่ได้ ทหารเข้าได้เพราะมีมาตรา 44 แต่เรื่องความรู้ทางกฎหมายต้องใช้ตำรวจ จึงต้องไปด้วยกัน เขาอาจจะแบ่งเป้าหมายก่อนในระยะแรก แต่ลงการบันทึกไปได้น้อย แยกกันไป เมื่อมีมาตรา 44 พอเริ่มเกิดเหตุก็พอปะทะเจอ ก็มารวมกัน สอบสวนต่อ ไม่ใช่ตำรวจสอบไม่ได้ ทหารสอบได้ ไม่ใช่ ต้องให้เครดิตเขา วันนี้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายบ้านเมือง ทั้งหมดช่วยกันจนได้คำตอบ นี่คือ สิ่งที่เขาทำกันมาตลอดในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เดี๋ยวมันจะรู้ชัดขึ้น ใจเย็น ๆ รอให้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานเพิ่มเติมก่อนอีกสักนิด ข้อสำคัญอย่าให้มันเกิดขึ้นอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะสมอาวุธสงคราม ท่านก็วิเคราะห์ วิจารณ์กันไปเรื่อย ปีก่อนโน้นเกิดตรงนี้ ตรงนั้น ถ้ามันไม่ใช่ขึ้นมา แนวทางการสืบสวนสอบสวนเขวไปเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่ถูกออกหมายจับเพิ่ม 2 ราย เกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นบุคคลที่พบภาพในกล้อง และพิสูจน์ได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้อง เพราะในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดเขาอยู่ตรงนั้น ซึ่งเหมือนกับคราวที่แล้ว ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้อะไร แต่มีรูปในกล้องก็ออกหมายจับไปก่อนเดี๋ยวก็หาเจอเอง สมมุติคุณจำเขาไม่ได้ เพราะไม่เคยรู้จักเขา แต่บางคนหน้าตาคล้าย ๆ ถึงจะเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนใส่แว่น แต่เพื่อนก็จำได้ เดินขากะโผลกกะเผลกจำได้หมด เดี๋ยวก็มา
เมื่อถามว่า ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่จับได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการลักลอบขนส่งชาวอุยกูร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีส่วน คือ มันมีส่วนทั้งหมดนั่นแหล่ะ 1. ภายในของเรา 2. อาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการลักลอบขนคนอะไรหรือเปล่า ฉะนั้น อย่าลืมว่าสิ่งที่เราไม่อยากให้บ้านเมืองเป็นจุดพักหรือจุดผ่านในการอพยพคนต่าง ๆ ที่ไม่ปกติ ที่เขาเรียกว่าการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานโดยไม่ปกติ มันต้องมีคนได้ประโยชน์ และต้องมีกระบวนการในการทำพาสปอร์ต และเข้ามาซุ่มซ่อนรอเวลาที่เหมาะสม แล้วออกนอกประเทศ ดังนั้น ตรงนี้ก็เป็นสาเหตุได้เหมือนกัน หากมีความขัดแย้งกัน หรือมีความเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่มันก็มีหมด
เมื่อถามว่าตกลงต้องสงสัยคนแรกที่จับได้สามารถพิสูจน์สัญชาติได้หรือยัง นายกฯ กล่าวอย่างอารมณ์ดี ว่า ตกลงยัง ไม่ตกลง จะให้ตกลงอะไร เขากำลังพิสูจน์อยู่ ในบัตรประชาชนระบุเป็นชาวตุรกี ซึ่งต้องตรวจสอบว่าพาสสปอร์ตนั้นแท้ หรือไม่แท้ ปลอมหรือเปล่า ถ้าปลอมก็ต้องหากระบวนการทำพาสปอร์ตปลอม ฉะนั้น ต้องสอบต่อหมด จะหยุดเฉยๆไม่ได้ไม่ใช่ได้ตัวมาแล้วเลิก ต้องมีกระบวนการมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง บ้านเช่า ต้องไล่หมด การรั่วไหลของระเบิด ซีโฟร์ ทีเอ็นที เชื้อปะทุไฟฟ้า โรงโม่หินต่าง ๆ ต้องไล่หมด
เมื่อถามว่า ผู้ต้องสงสัยที่จับได้นั้นพูดภาษาอะไร นายกฯ กล่าวแบบมีอารมณ์ขัน ว่า แหม ตนไม่ได้อยู่กับเขาเลยนะ ต้องถามตำรวจ แต่หน้าไม่ใช่คนไทย แต่วันนี้คนหน้าแบบนี้พูดไทยเก่งกว่าพวกสื่ออีก บางคนพูดไทยได้เยอะ ตอนตนไปต่างประเทศบางคนพูดไทยชัดแจ๋ว ยังสงสัยว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ที่ฟิลิปปินส์บางคนพูดไทยชัดแจ๋ว พูดชัดกว่าคนไทยอีก
เมื่อถามว่า การสอบสวนผู้ต้องสงสัยคนแรกนั้นได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีประโยชน์ถึงได้นำไปสู่คนอื่นได้อีกนี่ไง อย่างน้อยมาจากที่ไหน เดินทางมายังไง ไปเจอกับใคร ตรงไหน ก็ตามไปเรื่อย ๆ กล้องซีซีทีวีก็มีอยู่
เมื่อถามว่า สามารถชี้ชัดว่าเป็นมือวางระเบิดได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังชี้ไม่ได้ ต้องพิสูจน์ต่อไป ลักษณะการทำแบบนี้ไม่ใช่คน ๆ เดียว ต้องมีขบวนการนำพาระเบิดมาวาง มีคนจุด มีอะไรหรือเปล่า คนเดียวจะเดินทะเล่อทะล่า ถือของมาหมดได้อย่างไร และจะไปหามาจากไหน มันต้องมีหลายคน และต้องมีคนไทยด้วยหรือไม่ หรือไม่มีเลย โถ่... จะต้องให้ตนรู้คนเดียว ทุกเรื่องเลยหรืออย่างไร ตั้งแต่เรือรบยันเรือดำน้ำ รู้คนเดียวก็เก่ง
เมื่อถามว่า แนวทางการติดตามจับกุมตัวมาจากอะไร นายกฯ กล่าวว่า จากกล้อง โดยใช้กล้องตามไปเรื่อย ๆ ไปหยุดอยู่ตรงไหน ก็แสดงว่าอยู่แถวนั้นก็ต้องไปสอบหาจากผู้คนแถวนั้น และบ้านเช่าอะไรต่างๆ เป็นหลักการในการสอบสวนอยู่แล้ว
นายกฯ กล่าวว่า เหตุระเบิดนี้ เจ้าหน้าที่เขาทำตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ โดยมีศูนย์ติดตามสถานการณ์ ที่ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลและรายงานให้ตนทราบมาโดยตลอด ตำรวจทั้งหมดที่เป็นคณะทำงานช่วยกันหมด และวันนี้อยากให้สื่อช่วยกันปรับมาตรฐานในการทำงานเหล่านี้ใหม่หน่อย เวลามีเหตุการณ์เกิดขึ้น ปัญหาสำคัญคือ หลักฐานวัตถุพยานอย่าทำให้เกิดความเสียหายสูญหาย เพราะอยากได้ข่าวฉะนั้นต้องมีการป้องกันจะเห็นได้ว่า เวลาต่างประเทศมีเรื่องคนสัมภาษณ์จะอยู่ไกล ๆ หันหลังให้ ขณะที่บ้านเราหันหน้าเข้าแทบจะชนวัตถุพยาน วันนี้ต้องขอเถอะ ไม่เช่นนั้นมันคลาดเคลื่อนมีปัญหา อย่าไปทะเลาะกับตำรวจนะ เขาต้องกันพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังให้สัมภาษณ์นายกฯ ได้ขึ้นไปยังตึกไทยคู้ฟ้า โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางเข้าพบ ในเวลา 15.30 น. เพื่อรายงานความคืบหน้าการติดตามคดีดังกล่าว