MGR Online - ตำรวจกองปราบปรามตามรวบสาวใหญ่ใช้เงินสกุลดอลลาร์ปลอมแลกเงินธนาคารกสิกรกรไทย สาขาศรีนครินทร์ อ้างเป็นเงินที่ได้มาจากทำธุรกิจเช่าพระเครื่องจากชาวจีน สอบขยายผลต้นต่อมาจากโรงงานผลิตธนบัตรแห่งหนึ่งในประเทศจีน เตรียมประสานทูตเฝ้าระวัง
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น.พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.อรุณ วชิรศรีสุกัญยารักษาการ ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.กรกช ยงยืน สว.กก.2 บก.ป. ร่วมแถลงข่าวจับกุม นางเกศทิพย์ หรือเหมย แซ่ลี้ หรือนางสุธิษา ไท่ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซ.เฉลิมพระเกียรติ 69 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. พร้อมด้วยของกลางธนบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปลอม ชนิด 100 ดอลลาร์ จำนวน 89 ฉบับ รวม 8,900 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 321,299 บาท โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณปากซอย ถ.ศรีนครินทร์ 44 แขวงหนองบอน เขตประเวศ
พ.ต.อ.พันธนะกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรกรไทย สาขาศรีนครินทร์ ว่านางเกศทิพย์ได้นำธนบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปลอมมาแลกเป็นเงินไทยที่ธนาคาร โดยครั้งแรกที่ตรวจพบผู้ต้องหารายนี้ได้นำธนบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ปลอมจำนวน 19,900 ดอลลาร์ มาแลกเป็นเงินไทยจำนวน 700,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่สืบหาเบาะแสกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้ได้นำธนบัตรดอลลาร์ปลอม 8,900 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 300,000 บาทมาแลกเป็นเงินไทยที่ธนาคารแห่งเดิมอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการปลอมที่ใกล้เคียงของจริงมาก จึงแจ้งข้อกล่าวหามีไว้เพื่อนำออกซึ่งใช้เงินตราซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกใช้หรือให้อำนาจออกใช้อันที่ตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมต่อนางเกศทิพย์ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวน นางเกศทิพย์ให้การรับสารภาพว่าตนมีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการจำหน่ายพลาสติก และปล่อยเช่าพระเครื่องทางเฟซบุ๊ก ก่อนหน้านี้ได้มีชาวจีนรายหนึ่งซึ่งรู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กติดต่อขอเช่าพระสมเด็จวัดระฆัง 9 องค์ ในราคา 900,000 บาท โดยกำหนดนัดรับส่งของกันที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ตนจึงได้เดินทางไปพร้อมกับเพื่อนชาวสิงคโปร์ชื่อนายหลิง ไม่ทราบนามสกุล เพื่อไปพบชาวจีนรายนี้ตามที่นัดหมาย ก่อนจะได้รับธนบัตรดอลลาร์จำนวนดังกล่าวกลับมา หลังจากนั้นจึงได้นำไปตรวจสอบที่ธนาคารกสิกรกรไทย สาขาศรีนครินทร์ ทางธนาคารบอกว่าเป็นธนบัตรจริง ตนจึงทยอยนำมาแลกเป็นเงินไทยจำนวน 4 ครั้ง โดยไม่ทราบมาก่อนว่าธนบัตรดังกล่าวเป็นของปลอม กระทั่งมาถูกจับกุม
พ.ต.อ.พันธนะกล่าวอีกว่า ภายหลังจากจับกุมผู้ต้องหารายนี้เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจนทราบว่าแล้วว่าธนบัตรดังกล่าวมาจากโรงงานผลิตธนบัตรแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในประเทศจีน โดยขณะนี้ได้ประสานและให้รายละเอียดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวทั้งหมดกับทางการจีน พร้อมทั้งได้ประสานไปยังผู้ช่วยเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยในการเฝ้าระวังปราบปราม นอกจากนี้ อยากฝากถึงธนาคารใดที่มีการรับแลกธนบัตรดอลลาร์จากผู้ต้องหารายนี้ หากไม่แน่ใจว่าเป็นธนบัตรจริงหรือปลอมสามารถประสานตำรวจกองบังคับการ ปราบปรามเพื่อทำการตรวจสอบได้ตลอดเวลา