xs
xsm
sm
md
lg

อัยการยื่นหลักฐาน “เสี่ยอู๊ด” ฆ่าตัวตายจริง ศาลไม่ไต่สวนคดีฉ้อโกงสร้างพระสมเด็จเหนือหัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด (แฟ้มภาพ)
 
MGR Online - อัยการยื่นเอกสารการชันสูตรศพ “เสี่ยอู๊ด” กินยาฆ่าตัวตายจริง ในคดีอ่านฎีกาฉ้อโกง “สร้างพระสมเด็จเหนือหัว” ศาลชี้ไม่จำเป็นต้องไต่สวนการตายอีก และส่งหลักฐานให้ศาลฎีกาเพื่อมีคำสั่งต่อไป

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนการเสียชีวิต คดีหมายเลขดำ อ.2358/ 2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด อายุ 44 ปี นักสร้างพระชื่อดังชาว อ.บ้านฉาง จ.ระยอง และบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด โดยมีนายสิทธิกรเป็นกรรมการผู้จัดการ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า และโดยใช้ข้อความที่ใช้หรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม, ร่วมกันใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเลียนเครื่องหมายราชการให้ปรากฏที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ

โจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม 2550 จำเลยทั้งสองร่วมกันแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โดยโฆษณาเผยแพร่ว่า จัดสร้างพระเครื่องชื่อว่า “พระสมเด็จเหนือหัว” จากมวลสารดอกไม้พระราชทาน และผ้าไตรพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อจัดสร้างพระรุ่นนี้เป็นกรณีเฉพาะ และยังนำตราเครื่องหมายพระมหามงกุฎ เครื่องหมายราชการของสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง และเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าแผ่นดินมาพิมพ์ประทับไว้ที่ด้านหลังพระสมเด็จเหนือหัว ซึ่งล้วนเป็นเท็จ จนมีประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อเช่าซื้อ จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2553 โดยพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47, 48 และ 59 และ พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2484 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และ 83 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้เรียงลงกระทงลงโทษ ฐานฉ้อโกงประชาชนอันเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกนายสิทธิกร จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี ส่วนบริษัทฯ จำเลยที่ 2 ปรับ 10,000 บาท และฐานใช้และเลียนแบบเครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุกนายสิทธิกรจำเลยที่ 1 อีก 1 ปี และปรับบริษัทฯ จำเลยที่ 2 อีก 2,000 บาท รวมจำคุกนายสิทธิกรจำเลยที่ 1 รวม 5 ปี ปรับบริษัทฯ จำเลยที่ 2 รวม 12,000 บาท โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้ง 921 คนที่เช่าพระสมเด็จเหนือหัว แต่ไม่ให้เกิน 4,055,916 บาท จำเลยอุทธรณ์ขอให้พักการลงโทษและลงโทษสถานเบา ต่อมาวันที่ 15 มี.ค. 2556 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น อัยการโจทก์ยื่นฎีกาให้ลงโทษสถานหนักและศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2558 แต่นายสิทธิกร จำเลยที่ 1 ได้กินยาฆ่าตัวตายที่ห้องพัก โรงแรมแห่งหนึ่ง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2558

โดยวันนี้นิติกรผู้รับมอบอำนาจจากอัยการโจทก์และทนายความจำเลยเดินทางมาศาล ต่อมานิติกรผู้รับมอบอำนาจได้แถลงต่อศาลพร้อมยื่นเอกสารหลักฐานจากดีเอสไอที่ระบุว่านายสิทธิกร จำเลยที่ 1 เสียชีวิตจริงรวมทั้งเอกสารการชันสูตรพลิกศพนายสิทธิกรของพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.พิษณุโลก ระบุสาเหตุการตายว่าเกิดจากกินยาเกินขนาดและไม่พบร่องรอยการต่อสู้

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำแถลงของฝ่ายอัยการโจทก์แถลงมีเหตุผลและพยานหลักฐานสมควร จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนการตายอีก และมีคำสั่งให้นำหลักฐานทั้งหมดส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น