xs
xsm
sm
md
lg

รวบแก๊งโจ๋เมายาตระเวนขี่ จยย.ก่อนควักอีโต้ฟันเหยื่อปล้นเอาทรัพย์สิน ย่านซอยศรีนครินทร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ จับกุมสามวัยรุ่นขับขี่จักรยานยนต์ตระเวนหาเหยื่อ ย่านซอยศรีนครินทร์ ก่อนลงมือใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บ และปล้นชิงเอาทรัพย์สิน  รับสารภาพ มีการใช้สารเสพติดจนเกิดอาการมึนเมา อยากมีเงินใช้จึงชักชวนกันไปก่อเหตุ

วานนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 22.00 น. ที่ สน.ประเวศ แขวง/เขตประเวศ กทม. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ศราวุธ จิตต์ระเบียบ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สส.กก.บก.น.4 พ.ต.อ.เมธา เจียมไกรศรี ผกก.สน.ประเวศ พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รรท.รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ และ พ.ต.ต.ธงชัย แก้วทา สว.สส.สน.ประเวศ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายเอกรินทร์ ทะสา หรือ ฮารูณ อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดมหาสารคาม นายอัศดา นิติสาขา หรือ แมว อายุ 19 ปี นายอำพล คุ้มม่วง หรือ กุ๊ป อายุ 18 ปี และ นายอนุชา แก้วกุดฉิม หรือ กอล์ฟ (ฝากขังแล้วที่ศาลแขวงพระโขนง) พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ 8 จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน รุ่น 4 จำนวน 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีน้ำตาล - ดำ หมายเลขทะเบียน อขบ 43 กทม. โดยสามารถจับกุมนายอนุชาได้บริเวณซอยอุดมสุข 25 ส่วน นายเอกรินทร์ นายอัศดา และ นายอำพล จับตัวได้ที่ย่านสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจรที่ได้มาจากการปล้นทรัพย์

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ได้เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน ออกตระเวนปล้นทรัพย์ โดยแบ่งหน้าที่กันทำ นายเอกรินทร์ มีหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีน้ำตาล - ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และมี นายอัศดา เป็นผู้ซ้อนท้าย โดยพกพาอาวุธมีดอีโต้ ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร จำนวน 1 เล่ม และมีหน้าที่เข้าไปปล้นทรัพย์ ส่วน นายพรชัย สิงสาหัส หรือ โห้ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว - แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และมีนายอำพลเป็นผู้ซ้อนท้าย คอยทำหน้าที่ดูต้นทาง เพื่อให้ นายเอกรินทร์ และ นายอัศดาเป็นผู้ก่อเหตุ

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ระหว่างที่กลุ่มผู้ต้องหาขับตระเวนจากซอยสุวินทวงศ์ 30/2 จนถึงซอยศรีนครินทร์ 11 แล้วพบกับผู้เสียหาย ขณะเดินลงจากรถประจำทาง พวกตนจึงขับมุ่งหน้าไปทางที่กลับรถ เพื่อมาให้ทันผู้เสียหาย แต่เมื่อมาถึงพบว่าผู้เสียหายกำลังเดินในซอย พร้อมกับบิดาที่มารอรับ ผู้ต้องหาทั้ง 4 จึงขับเข้าไปประกบข้าง โดยนายเอกรินทร์ จะขับรถจักรยานยนต์เข้าไป แล้วนายอัศดาจะกระชากกระเป๋าที่ผู้เสียหาย แต่รถจักรยานยนต์คันที่ขับมาได้เสียหลักล้มลง นายจักรรินทร์ จึงลุกขึ้นแล้วใช้เท้าถีบบิดาของผู้เสียหาย ก่อนที่นายอัศดาจะเข้าไปกระชากกระเป๋าของผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ยอม จึงใช้อาวุธมีดฟันเข้าที่แขนขวาหลายครั้ง จนผู้เสียหายยอมปล่อยกระเป๋า และขับรถหลบหนีไป

จากการสืบสวนทราบว่า หลังจากก่อเหตุนายเอกรินทร์ ได้นำโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ 8 ไปขายให้ นายอนุชา จำนวนเงิน 9,000 บาท ซึ่งนำเงินที่ขายโทรศัพท์ได้มาแบ่งให้นายอัศดา 2,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือจากการขายโทรศัพท์ได้นำไปเที่ยวเตร่

ด้าน นายอัศดา ให้การว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่เกิดเหตุได้ไปนั่งเล่นที่บ้านซอยสุวินทวงศ์ 5 โดยมีการดื่มกินสารเสพติด 4 x 100 หลังจากนั้น นายเอกรินทร์ ได้ชักชวนเพื่อน ๆ ไปก่อเหตุ โดยเสนอว่า “อยากมีเงินใช่ไหม?” ซึ่งตนก็เห็นด้วย จึงได้ตระเวนไปตามทางเรื่อย ๆ ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. พบผู้เสียหายกำลังลงจากรถประจำทาง ระหว่างซอยศรีนครรินทร์ 7 - 9 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะเช้าแล้ว จึงตัดสินใจที่จะก่อเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ฟันผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บนั้น เนื่องจากตนมีอาการมึนเมาสารเสพติด 4 x 100 ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกสงสารผู้เสียหาย และอยากจะเตือนให้คนที่คิดจะก่อเหตุในลักษณะนี้ อย่าทำแบบผมเลย เพราะสิ่งที่ได้มามันไม่คุ้มเสีย

ซึ่งระหว่างแถลงข่าวทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญนายชัยวัฒน์ บุญจรัส อายุ 53 ปี และนางสาวภาณุรัตน์ บุญจรัส อายุ 22 ปี ผู้เสียหายมาชี้ตัวผู้ก่อเหตุด้วย ซึ่งนายชัยวัฒน์ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนผู้ก่อเหตุ และ นายอัศดา ได้ก้มลงกราบ เพื่อขอขมาต่อผู้เสียหายทั้งสอง

ทั้งนี้ ทราบว่า นายจักรินทร์ (คนกลาง) เคยถูกจับกุมในข้อหาพรากผู้เยาว์ จำคุกที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี และพึ่งพ้นโทษออกมาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ส่วนนายอัศดา (คนขวาสุด) เคยถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดและลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัว และ นายอำพล เคยถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา)


กำลังโหลดความคิดเห็น