ความลับของการเขย่าเก้าอี้ "ศานิตย์" มันมาจากปมปัญหาการ “เยียวยา” ตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรมเมื่อปีที่ผ่านมา ที่อนุ ก.ตร.เกี่ยวกับการร้องทุกข์ ชุดที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.แต่งตั้งขึ้น ได้มีมติให้เยียวยาตำรวจที่ร้องทุกข์กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม หรือ สน.ที่มีปริมาณงานและคุณภาพงานไม่ต่ำกว่าเดิม ในโอกาสแรกที่มีการแต่งตั้ง
ไม่ใช่เรื่องปรกติธรรมดา ที่จู่ๆ “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี จะลุกขึ้นมาเล่นบทดุแยกเขี้ยวยิงฟัน ขีดเส้นการแก้ปัญหาจราจรเมืองหลวง เดิมพันด้วยเก้าอี้ “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” หรือ “ผบช.น.” ส่งสัญญาณให้”พี่แป๊ะ”พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาการผบช.น. รุ่นพี่ นรต.34 ไปดำเนินการให้การจราจรคล่องตัวขึ้น 40-50% ภายในระยะเวลา 3 เดือน
ทั้งที่ปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ต้องยอมรับว่าคือปัญหา”โลกแตก” ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคพล.ต.ท.ศานิตย์เท่านั้น ยุคอดีตที่ผ่านมาปัญหาจราจรติดขัดเมืองหลวงก็มีมาตลอด และทุกๆผู้บัญชาการที่เข้ามากุมบังเหียน “นครบาล” ก็พยายามแก้ไขปัญหาด้วยวิธีต่างๆ แต่รถยังติดหนึบเหมือนเดิม
หนำซ้ำในยุคที่ผ่านมา ตำรวจนครบาลตั้งด่านรีดไถปล้นกลางแดดทั่วเมืองหลวงทำรถติดวินาศสันตะโร ไม่เห็นมีตำรวจหน้าไหนออกมารับผิดชอบความเดือดร้อนของคนกรุง ถูกประณามจนไม่สามารถหน้าด้านต่อไปจึงมีคำสั่งเลิกด่านรีดไถ แต่ยังแอบอ้างมาตรการความมั่นคง ลากด่านมาตั้งสกัดจับคนใช้รถตอนค่ำคืน ข่มขู่ปล้นเงินจากประชาชนเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนเวลาเท่านั้น สันดานยังเหมือนเดิม
หาก “บิ๊กแป๊ะ” จะหยิบยกเอาเรื่องการจราจรติดขัด มาประเมินการก้าวเข้าสู่เก้าอี้ “ผบช.น.” ของ “พี่แป๊ะ” เหมือนอย่างนัยยะที่ส่งออกมาตามคำสัมภาษณ์ ก็ดูจะเป็นเรื่องแปลกประหลาด และไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก โดยเฉพาะกับเก้าอี้สำคัญอย่าง “ผู้นำเมืองหลวง” เพราะเอาเรื่องแก้รถติดดูจะเป็นเรื่องที่มีน้ำหนักน้อยมาก หากจะเทียบกับข้อหาความบกพร่องปล่อยให้คดีอาชญากรรม ประเภท ลัก วิ่ง ชิง ปล้น เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน
ข้อกล่าวหาหาแก้จราจรไม่ได้ มีหรือจะทำอะไรกับคนชื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้ เนื่องจากรับทรู้กันดีถึงที่มาที่ไปในการเข้ามาถือใบจองเก้าอี้ “ผบช.น.” ว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้ใจ จาก”นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อย(คสช.)เพียงใด
ขนาดในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา เมื่อ”บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. จะขยับจาก ผบช.น. ขึ้นมาเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะมีชื่อตำรวจจับจ้องเก้าอี้ “ผบช.น.” ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช หรือพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย 2 เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 ของ ผบ.แป๊ะ หรือพล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง นรต.35เพื่อนร่วมรุ่นพล.ต.อ.ศรีวราห์
แต่สุดท้าย พล.ต.ท.ศานิตย์ ที่ชื่อมาแรงตั้งแต่ต้นก็แรงไม่ตก
แม้ว่าวันนี้ถึงจะยังขึ้นมาเป็น ผบช.น. เต็มตัวไม่ได้ แต่ก็ได้รับมอบหมายให้ มารักษาการ ผบช.น. จากนั้นเมื่อมีตำแหน่ง ผบช. ว่าง ก็ขึ้นติดยศ พล.ต.ท. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และก็ยัง รักษาการ ผบช.น. ต่อมาอีก เพื่อรอให้เก้าอี้ “ผบช.น.”ว่างอย่างเป็นทางการ
“ตั๋ว”แข็งขนาดนี้ มีหรือจะแค่เรื่องเล็กๆจิ๊บๆจะมาทำให้ “ใบจอง” ที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ ถือเอาไว้อยู่ในมือจะเป็นกระดาษเปล่าง่ายๆ!!!
การออกมาขู่!!! ฟ่อๆ ของ “ผบ.แป๊ะ” ก็เป็นการแอ๊คชั่นเตือน “พี่แป๊ะ” ในฐานะ “ผบ.ตร.” ที่มี “อำนาจ”เต็ม ในการบริหารงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายตามกฎ ตามระเบียบถึงจะเส้นใหญ่ เส้นก๋วยจั๊บ แต่ถ้า”แข็ง” ไม่ยอมฟัง ไม่ยอมทำตาม ไม่ยอมรับนโยบาย ก็มีสิทธิ์ตกสวรรค์ได้เช่นกัน
ความลับของการเขย่าเก้าอี้ "ศานิตย์" มันมาจากปมปัญหาการ “เยียวยา” ตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรมเมื่อปีที่ผ่านมา ที่ อนุ ก.ตร.เกี่ยวกับการร้องทุกข์ ชุดที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.แต่งตั้งขึ้น ได้มีมติให้เยียวยาตำรวจที่ร้องทุกข์กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม หรือ สน.ที่มีปริมาณงานและคุณภาพงานไม่ต่ำกว่าเดิม ในโอกาสแรกที่มีการแต่งตั้ง
ซึ่งในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีพล.ต.ท.ศานิตย์ กุมบังเหียน มีตำรวจนครบาลที่โดนโยกย้ายจากปมป้ายโฆษณาบนป้อมจราจร รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ได้รับการเยียวยากลับคืนมาถึง 30-40 ราย แยกเป็น รองผบก. 3 ราย ผกก. 8 ราย รองผกก.และสว. ประมาณ 22-23 ราย
แต่ทาง “นครบาล” เสนอ สำนักงานกำลังพล ระหว่างประชุมหารือแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้งตำรวจที่ได้รับการเยียวยา คือ ให้เยียวยาโดยการแต่งตั้งผู้ได้รับการเยียวยากลับหน่วย แต่ต้องส่งตำรวจในสังกัดไปแต่งตั้งขึ้นข้ามหน่วยได้ เพื่อไม่ให้ปิดกั้นความเจริญของตำรวจในหน่วย หรือ ตร.ก็ต้องเปิดตำแหน่งว่างไว้ 30-40ตำแหน่ง รองรับตำรวจ “นครบาล” ที่จะผลักออกไป เพื่อรับกลุ่มเยียวยาเข้ามา
ข้อเสนอจาก “นครบาล” ครั้งนี้ ถูกนำเข้ามาหารือกันในวงประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีพล.ต.อ.จักรทิพย์ นั่งหัวโต๊ะประธาน ก.ตร. แทนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จับใจความน้ำเสียงส่วนใหญ่ต่างๆก็ไม่เห็นด้วยที่จะเปิดตำแหน่ง ตร. รองรับเท่าจำนวนตำรวจได้รับการเยียวยาตามที่นครบาลร้องขอ แต่ก็ยังไม่มีข้อยุติอะไรที่ชัดเจน ก.ตร.เพียงมอบหมายให้สำนักงานกำลังพลไปทบทวนและนำมาพิจารณาอีกครั้งในการประชุม ก.ตร. ครั้งต่อไป
หากจับน้ำเสียงความไม่พอใจของระดับ ตร. จากข้อเสนอเช่นนี้ของ “นครบาล” ก็ดูจะฟังขึ้น เพราะการที่ นครบาล ขอให้ ตร.เปิดตำแหน่งเท่ากับตำแหน่งที่เยียวยา ก็จะทำให้ไม่กระทบกับการแต่งตั้งของ “นครบาล” ที่ปีนี้มีตำแหน่งว่าง ระดับ รอง ผบก. 15 ตำแหน่ง ผกก. 22 ตำแหน่ง รอง ผกก. 30 ตำแหน่ง และสารวัตร 50 ตำแหน่งซึ่งพล.ต.ท.ศานิตย์ สามารถนำไปให้คุณให้โทษ จัดสรร จัดตำแหน่งให้ตำรวจนครบาลได้อย่างอิสระแบบเต็มไม้เต็มมือ ไม่ต้องถูกแบ่งปันไปให้กลุ่มตำรวจที่ได้รับการเยียวยา
ดังนั้น จึงไม่แปลกใจหลังการประชุม ก.ตร.เสร็จสิ้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาจราจรในนครบาลที่ติดขัด พร้อมขีดเส้น 3 เดือน ให้โอกาส พล.ต.ท.ศานิตย์ ไปดำเนินการ พร้อมๆกับการเดิมพันเก้าอี้ “ผบช.น.” ตัวจริงเสียงจริง แม้จะยังไม่ชัดเกี่ยวข้องกับปมข้อแข็งขืนการเยียวยา”นครบาล”หรือไม่ แต่ทุกอย่างก็ดูประจวบเหมาะเกินความบังเอิญ