xs
xsm
sm
md
lg

ตร.จับคาอู่ย่านจอมทองแก๊งขโมยรถชำแหละขาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - กก.สส.บก.น.2 บุกรวบผู้ต้องหาเปิดอู่ซ่อมรถยนต์บังหน้าย่านจอมทอง ชำแหละรถที่โจรกรรมมานำไปขายเป็นชิ้นส่วนที่ร้านเชียงกงย่านปทุมวัน บางส่วนนำมาประกอบดัดแปลงเป็นรถถูกกฎหมาย พบมีพระสงฆ์ระดับรองเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งย่านภาษีเจริญพัวพัน

วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.น.8 พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สส.บก.น.2 และ พ.ต.ท.คนาวิทย์ ถานะวุฒิพงศ์ สว.กก.สส.บก.น.2 ได้ร่วมกันเดินทางมาที่โกดังอู่ซ่อมรถไม่มีชื่อ ติดกับบ้านเลขที่ 37/4 ซอยจอมทอง 13 แยก 8 (ซอยเลิศพัฒนาใต้) แขวงและเขตจอมทอง กทม. เพื่อทำการแถลงผลการจับกุมตัว นายณัฐพงษ์ หรือหน่อง โพธิสอาด อายุ 41 ปี ชาวพระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 212/2558 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 พร้อมของกลางชิ้นส่วนกันชนด้านหน้ารถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีแดง 1 ชิ้น กระบะท้ายรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีแดง 1 ชิ้น ชิ้นส่วนกันโครงสเตนเลส ท้ายกระบะรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ 1 ชิ้น โทรศัพท์ยี่ห้อเอสเคซี สีดำ 1 เครื่อง และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน บฉ 7008 สมุทรปราการ 1 คัน

พล.ต.ท.ศานิตย์เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสขบวนการแก๊งโจรกรรมรถยนต์ที่มาตั้งโรงชำแหละรถในย่านฝั่งธนบุรี โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมามีนายชิน ร้อยผึ้ง อายุ 71 ปี อดีตพนักงานบริษัทเบียร์ยี่ห้อดังถูกคนร้ายบุกเข้ามาขโมยรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดราก้อน สีแดง ไปจากบ้านย่านปากเกล็ด จ.นนทบุรี จากนั้นอีก 2 วันต่อมาตำรวจ สภ.ปากเกล็ด จ.นนทบุรี ได้จับกุมนายสมชาย เขียวขจี และ น.ส.วิชุฎา สหะรัตน์ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์รถยนต์ จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนพบว่ากลุ่มขบวนการนี้ได้ก่อเหตุโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่ กทม. และ จ.นนทบุรี มาแล้วหลายครั้ง แล้วนำรถยนต์ที่ได้มาขายให้กับนายณัฐพงษ์ซึ่งเปิดอู่ซ่อมรถดังกล่าว เชื่อว่านำรถยนต์ที่ได้มาชำแหละแยกชิ้นส่วนก่อนนำไปขายยังท้องตลาด กระทั่งเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ตำรวจชุดจับกุมนำกำลังพร้อมหมายจับเดินทางมายังอู่ซ่อมรถดังกล่าว

ที่เกิดเหตุเป็นโกดังสูงเพียงชั้นเดียว เนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิดกั้นสูง ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ ด้านนอกมีติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ เมื่อตรวจสอบภายในมีบ้านไม้สูง 2 ชั้น โดยรอบดัดแปลงเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ มีซากรถยนต์และชิ้นส่วนรถจำนวนมากอยู่กระจัดกระจาย พบนายณัฐพงษ์แสดงตัวเป็นเจ้าของ ทางตำรวจจึงแสดงตัวพร้อมหมายจับก่อนควบคุมตัวสอบสวนที่กก.สส.บก.น.2

พ.ต.อ.ธีระชัยกล่าวว่า สอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่าได้มาเช่าที่ดินแห่งนี้เพื่อปลูกบ้านพักแล้วดัดแปลงเป็นอู่ซ่อมรถบังหน้า ตั้งแต่เดือน ต.ค.ปี 2556 เป็นเวลากว่า 2 ปี ในค่าเช่าตกเดือนละ 10,000 บาท ตนทำหน้าที่ไปรับซื้อรถที่ถูกขโมยมาในราคาประมาณ 20,000-40,000 บาทต่อคัน ทุกคันมักจะเป็นรุ่นเก่าเพราะสามารถใช้ไขควงงัดเบ้ากุญแจประตูรถได้ง่าย จากนั้นจะมีการนัดรับสินค้าที่บริเวณวัดแห่งหนึ่งย่านภาษีเจริญ แล้วนำมาชำแหละชิ้นส่วนในสถานที่แห่งนี้ ก่อนนำชิ้นส่วนไปขายที่ร้านเชียงกงย่านปทุมวัน ถนนพระราม 4 และบางส่วนจะนำมาประกอบรถที่ลูกค้าทั่วไปนำมาซ่อมในอู่ด้วย นอกจากนี้ ขบวนการดังกล่าวยังมีกรรมวิธีแปลงสภาพรถจากรถที่ถูกขโมยมาทำให้เป็นรถที่ถูกกฎหมายด้วยการรับซื้อซากรถที่ประสบอุบัติเหตุ ชำแหละตัดเอาเลขทะเบียนจากโครงแชสซีส์รถมาสวมแทนเพื่อให้รถถูกกฎหมายทันที

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ รวมทั้งต้องนำซากรถและชิ้นส่วนเหล่านี้มาทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ฯ หรือรับของโจร ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อีกทั้งยังมีรายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขบวนการนี้ยังมีพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งย่านภาษีเจริญเป็นหัวหน้าขบวนการ จากแนวทางการสืบสวนทราบว่าทุกครั้งนี้ผู้ต้องหานำชิ้นส่วนอะไหล่รถไปขายนั้น พระรูปนี้จะนั่งไปด้วยเสมอ โดยจะนำถังกฐินผ้าป่าไว้บนรถเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้น เมื่อมีตำรวจตั้งจุดตรวจพระรูปนี้มักจะอ้างว่ารีบไปประกอบพิธีทางศาสนาทำให้รอดพ้นการจับกุมมาได้ทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจรู้ตัวคนร้ายรายนี้แล้ว ทราบว่าตอนนี้มีอาการป่วยกำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา ย่านฝั่งธนบุรี ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยายหลักฐานออกมาจับเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. เวลาประมาณ 11.00 น. พ.ต.อ.ประยูร ศาลาทอง ผกก.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธนะเมศฐ์ วิจิตรจริยา สว.สส. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ ค.440/2558 ลงวันที่ 26 พ.ย. 2558 เข้าตรวจค้นอู่ซ่อมรถยนต์เลขที่ 9 ถนนสามวาซอย 1 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. จากการตรวจค้น พบว่าอู่ซ่อมรถยนต์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นสถานที่ปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับชิ้นส่วนของรถยนต์ชนิดต่างๆ จึงได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายเอกมล สันติธาดา อายุ 59 ปี โดยแจ้งข้อหาให้ทราบว่าปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว 1 คัน แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์หมายเลขทะเบียน ฆจ 7585 กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แผ่น (ปลอม) กุญแจ จำนวน 1 ดอก สมุดคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์ 5 เล่ม แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ 8 แผ่น แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ 16 แผ่น เพลตติดรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าที่ยังไม่ได้ตอกหมายเลข 70 แผ่น เพลตติดรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าที่ยังไม่ได้ตอกหมายเลข 10 แผ่น หมายเลขข้างถังรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ที่ทำขึ้นใหม่ 1 ชิ้น และชิ้นส่วนเลขตัวถังรถยนต์ 6 ชิ้น รวมของกลางจำนวนทั้งสิ้น 120 ชิ้น

จากการตรวจสอบพบว่า อู่ดังกล่าวมีการนำเลขถังรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุหรือจากการโจรกรรมรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ มาถอดและสวมทับประกอบเป็นรถยนต์ใหม่ และมีการสลักเลขถังรถยนต์ลงในเพลทให้มีตัวเลขที่ตรงกัน เพราะเมื่อตรวจสอบแล้วจะพบว่าเป็นรถยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีค่าใช้จ่ายเฉพาะเลขถังและเพลทรวมทั้งหมด 130,000 บาท เบื้องต้นทราบว่ามีร้านย่านวรจักร โดยมีทั้งหมด 2 ร้าน คือ ร้านเชียงกง และร้านอะไหล่ประดับยนต์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าทั้งสองเครือข่ายมีความเกี่ยวโยงกัน โดยมีการแบ่งหน้าที่จัดทำคนละส่วน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดี

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น